Quantcast
Channel: มอเตอร์ไซค์ Archives - รถใหม่ 2025-2026 รีวิวรถ, ราคารถใหม่, ข่าวรถใหม่, รถยนต์
Viewing all 1453 articles
Browse latest View live

YAMAHA SMAX 2017 “โดดเด่นตามสไตล์ Automatic”

$
0
0

YAMAHA SMAX 2017 “โดดเด่นตามสไตล์ Automatic”
YAMAHA SMAX 2017
YAMAHA SMAX 2017

เครื่องยนต์ : อัตโนมัติ

ระบบระบายความร้อน : ด้วยน้ำ

ขนาดความจุ : 155 ซีซี.

จากกระบอกสูบ X ระยะชัก เท่ากับ : 58 x 58.7 มม.

วาล์ว : กดวาล์วทั้ง 4 ชุดด้วยเพลาลูกเบี้ยวเดี่ยว SOHC

ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : หัวฉีดอิเล็กทรอนิคส์

ขนาดเรือนลิ้นเร่ง : 30 มม.

ชุดเกียร์ : เป็นแบบอัตโนมัติ

คลัทช์ : เป็นแบบแรงเหวี่ยง

สตาร์ทเครื่องด้วย : ระบบไฟฟ้า

ขับเคลื่อนด้วย : ใช้สายพาน แบบ V Belt ผสานกับชุดชามและเม็ดที่มีการไล่น้ำหนัก

ไฟหน้า : ขนาดใหญ่พร้อมแผ่นบังลมขนาด XL สามารถปรับขึ้น-ลงได้

ไฟเลี้ยวหน้า : เป็นแบบแยกออกจากตัวรถ หน้าเลนส์สีส้ม

บังโคลนหน้า : แบบเรียบเสมอไปกับล้อ

แฮนด์ : เป็น T-Bar ทรงสูง

เบาะนั่ง : ใบใหญ่นั่งสบายแบบ 2 ระดับ

ไฟเลี้ยวด้านท้าย : เป็นแบบแยกออกจากตัวรถ หน้าเลนส์สีส้ม

บังโคลนหลัง : ถูกออกแบบมาให้ยาวเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการดีดกระเด็น

มิติตัวรถ
– กว้าง/ยาว/สูง : 715/2,030/1,295 มม.
– ระยะห่างฐานล้อ : 1,405 มม.
– ความสูงจากพื้นถึงเบาะ : 795 มม.

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า เป็นเทเลสโคปิค ผิวแกนเคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยม ปรับตั้งไม่ได้ ขนาดของแกนช็อคอับ 33 มม. ให้ระยะการทำงาน 79 มม.
– ด้านหลัง เป็นช็อคอับเดี่ยวที่ซุกตัวอยู่ด้านใน ไม่ใช่แบบที่ตั้งโด่อยู่ทางฝั่งสายพานเหมือนรถทั่วไป ให้ระยะยุบตัวราวๆ 93 มม.

ระบบเบรค
– เบรคหน้า เป็นจานเบรคขนาดใหญ่ไล่ๆ กับวงล้อ ซึ่งมาด้วยขนาด 267 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ สั่งงานด้วยแรงดันไฮดรอลิค
– เบรคหลัง เป็นจานเบรคขนาด 245 มม. คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ สั่งงานด้วยแรงดันไฮดรอลิค และจุดสั่งงานเบรคหลังจะอยู่บนแฮนด์ทางฝั่งซ้าย

ล้อ/ยาง
– หน้า ล้อเป็นอัลลอย ยางขนาด 120/70-16
– หลัง ล้อเป็นอัลลอย ยางขนาด 130/70-13

อ้าวๆ อย่างเพิ่ง งง นะครับเพราะรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ในแบบที่ใกล้เคียง NMAX มากๆ เพียงแต่ยังไม่มีแผนที่จำนำเข้ามาผลิตหรือจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้จึงต้องยกพื้นที่ให้กับ NMAX ไปแทน เราเห็นว่ารถทรงแปลกตาดีก็เลยเอามาอวดกัน ซึ่งถ้าลองมองดูดีๆ จะเดาได้ว่ามันมีพื้นฐานเดียวกับ NMAX ที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยเรานี่เอง

ขอขอบคุณภาพจาก www.yamahamotorsports.com

12345678910


YAMAHA TW 200 2017 “เน้นเท่ ไม่เน้นแรง”

$
0
0

YAMAHA TW 200 2017 “เน้นเท่ ไม่เน้นแรง”
YAMAHA TW 200 2017
YAMAHA TW 200 2017

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 2 วาล์ว SOHC

วาล์ว : ควบคุมการกดวาล์วด้วยเพลาลูกเบี้ยวแบบเดี่ยว

ระบบการจุดระเบิด : ชนิด CDI ที่ใช้หัวเทียน 1 หัว ต่อ 1 ห้องเผาไหม้

ขนาดความจุ : 196 ซีซี.

กระบอกสูบ x ระยะชัก เท่ากับ : 67 x 55.7 มม.

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 9.5 : 1

ระบบระบายความร้อน : ด้วยอากาศ

สตาร์ทเครื่องยนต์ : ด้วยระบบไฟฟ้า

ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : ด้วยคาร์บูเรเตอร์

ชุดเกียร์ : ธรรมดา 5 สปีด

ระบบคลัทช์ : แบบเปียกสั่งงานด้วยสายสลิง

ระบบขับเคลื่อน : โซ่และสเตอร์

ชิ้นงานบอดี้พาร์ทมีทั้งหมด 15 ชิ้น : จนเกือบจะเหมือนรถทางฝุ่นอยู่แล้ว โดยการ์ดแกนช็อคอับหน้าเปลี่ยนไปเป็นยางหุ้มช็อคอับ ลักษณะแบบยางยืด ที่ให้ตัวได้ตามแรงที่วงล้อส่งมายังช็อคอับหน้า รุ่นนี้เป็นการ์ดแบบปิดทั้งระบบ คือด้านล่างจะครบอยู่บนปลายบนสุดของกระบอกช็อคอับ ส่วนด้านบนสุดก็จะรัดกับแกนช็อคอับ ใต้แผงคอล่าง มีรูเล็กๆ เพื่อลดแรงดันอากาศภายใน ถือว่าเป็นชุดการ์ดแกนช็อคอับที่มีอนุภาพป้องกันได้เยี่ยมกว่าการ์ดแบบรถสูตรทางฝุ่นเสียอีก

บังโคลนหน้า : คือการผสมผสานระหว่างความเป็นสปอร์ตกับรถทางฝุ่น

ไฟหน้า : ทรงสี่เหลี่ยม

ไฟเลี้ยว : เป็นแบบการ์ดยื่นออกมาจากตัวรถ

แฮนด์ : เป็น T-Bar ทรงเตี้ย แต่กว้าง

ถังน้ำมัน : ทรงไทรอัล ใช้การปั๊มขึ้นรูปด้วยโลหะ

เบาะนั่ง : แบบใบเดียว ถูกออกแบบมาให้สามารถขยับก้นมาด้านหน้าได้ เพื่อช่วยในการควบคุมรถเวลาเข้าโค้ง

ท่อไอเสีย : เป็นทรงแบบตรงๆ

บังโคลนหลัง : ทำหน้าที่ด้วยกัน 2 ส่วนคือ บังโคลนด้านบนจะทำหน้าที่ให้ความสวยงามและยังเป็นจุดรับมือสัมภาระได้นิดหน่อย อีกส่วนคือด้านล่างจะมีไว้สำหรับเป็นจุดยึดป้ายทะเบียนและกันดีด

ไฟท้าย : ทรงสี่เหลี่ยมสีแดง

มิติตัวรถ
– กว้าง/ยาว/สูง : 820/2090/1120 มม.
– ความสูงจากพื้นถึงเบาะนั่ง : 789 มม.
– ระยะห่างฐานล้อ : 1325 มม.

ล้อ/ยาง
– ล้อหน้า ขนาด 130/80-18
– ล้อหลัง ขนาด 180/80-14

ปี 2017 นี้รถรุ่นไหนๆ เขาก็เปลี่ยนใจไปใช้การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์เกือบหมดแล้ว แต่สำหรับ YAMAHA โดยเฉพาะรุ่น TW 200 ยังคงเอาใจนักขี่ที่ชื่นชอบกับการปรับแต่แบบเบื้องต้น ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนกล่องหรือควักปากให้รูของเรือนลิ้นเร่ง เพราะมันยังคงจ่ายน้ำมันด้วยคาร์บูเรเตอร์ แถมน่าจะเป็นหนึ่งเดียวของรถสาย Dirt ที่ตกแต่งได้สะใจที่สุด ไม่เน้นความแรง แต่จะเน้นสีสวยๆ กับออฟชั่นอื่นๆ อีกเพียบ ว่าแล้วก็ไปดูกันหน่อยซิว่า ทำไม มันถึงได้น่าหลงใหลอะไรขนาดนั้น

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก www.yamahamotorsports.com
1.
2.
3.

DUCATI 1299 Panigale R Final Edition “จอมพลังคันสุดท้าย”

$
0
0

DUCATI 1299 Panigale R Final Edition “จอมพลังคันสุดท้าย”

DUCATI 1299 Panigale R Final Edition..

DUCATI 1299 Panigale R Final Edition

เครื่องยนต์ : แบบ Superquadro L-twin 2 สูบ 4 วาล์ว

ระบบระบายความร้อน : ด้วยน้ำ

ขนาดความจุ : 1,285 ซีซี.

จากกระบอกสูบ X ระยะชัก : 116 x 60.8 มม.

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 13.0 : 1

ให้กำลังสูงสุด : 209 แรงม้า ที่ 11,000 รอบ/นาที

แรงบิดสูงสุด : 142 นิวตัน-เมตร ที่ 9,000 รอบ/นาที

ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : หัวฉีดอิเล็กทรอนิคส์ ทำงานร่วมกับคันเร่งไฟฟ้า Ride-by-Wire

ชุดเกียร์ : แบบธรรมดา 6 สปีด พร้อมด้วยระบบ DQS ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลงได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องบีบคลัทช์

คลัทช์ : แบบเปียกสั่งงานด้วยสายไฮดรอลิค

สตาร์ทเครื่องด้วย : ระบบไฟฟ้า

ขับเคลื่อนด้วย : โซ่/สเตอร์

ระบบอิเล็คทรอนิคส์  
– ระบบ EBC (Engine Brake Control) ช่วยในเรื่องของการชะลอความเร็วด้วยเครื่องยนต์
– ระบบ DWC Evo (Ducati Wheelie Control) ช่วยควบคุมการยกล้อ
– ระบบ DTC (Ducati Traction Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและช่วยในการยึดเกาะถนนได้ดีกว่าเดิม
– ระบบ DDA (Ducati Data Analyzer) + GPS โปรแกรมวิเคราะห์และบันทึกข้อมูลการใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับ GPS ได้
– ระบบ IMU (Inertial Measurement Unit) เซ็นเซอร์ตรวจจับทิศทางการเคลื่อนที่ของรถที่แม่นยำ ส่งผ่านข้อมูลการเคลื่อนที่ทั้ง 6 แกนของตัวรถเพื่อไปประมวลผลที่กล่อง ECU เพื่อช่วยวิเคราะห์ระบบการทำงานต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ
– ระบบ Riding Modes ที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมด คือ (Race, Sport และ Wet) และยังสามารถเข้าไปปรับฟังค์ชั่นการทำงานได้หลายระดับ
– ระบบ ABS Cornering เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานสูงสุด

ไฟหน้า : 2 ดวง แยกซ้าย/ขวา แบบ LED

ไฟท้าย : เป็น LED

บังโคลนหน้า : เป็นคาร์บอนไฟเบอร์

จอแสดงผล : แบบ TFT (Thin Film Transistor) ที่แสดงผลได้อย่างครบครัน

ชุดสีของตัวรถ : เป็นสี แดง/ขาว/เขียว คล้ายกับสีของธงชาติอิตาลี และตรงแผงคอจะมีคำว่า 1299 Panigale R Final Edition พร้อมรันนิ่งนัมเบอร์สำหรับรถทุกคัน

ท่อไอเสีย : เป็นไททาเนี่ยมทรงคู่ จากแบรนด์ AKRAPOVIC ผ่านมาตรฐาน Euro4

มิติตัวรถ
– กว้าง/ยาว/สูง : 745/2075/1105 มม.
– ระยะห่างฐานล้อ : 1443 มม.
– ความสูงจากพื้นถึงเบาะ : 830 มม.
– ความจุถังเชื้อเพลิง : 17 ลิตร
– น้ำหนักตัวรถ : 179 กก.

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า เป็นช็อคอับแบบ Up-side Down ของ OHLINS NIX 30 ขนาดแกน 43 มม. ระยะการทำงาน 120 มม.
– ด้านหลัง เป็นแบบเดี่ยวของ OHLINS TTX 36 ติดตั้งทางฝั่งซ้ายแบบแนวนอน ซึ่งสามารถปรับตั้งค่าการทำงานได้หลายแบบพร้อมสปริงไททาเนี่ยม ระยะการทำงาน 130 มม. ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มอะลูมิเนียมแบบเดี่ยว

ระบบเบรก
– เบรคหน้า เป็นดิสก์คู่ขนาด 330 มม. คาลิเปอร์ BREMBO M 50 4 สูบ แบบ Monoblock พร้อทระบบ ABS
– เบรคหลัง เป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 245 มม. คาลิเปอร์ BREMBO 2 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS

ล้อ/ยาง
– ล้อหน้า อะลูมิเนียม 3 ก้านตัว Y ของ MARCHESINI ขนาด 120/70 R 17 รัดด้วยยาง PIRELLI Diablo Supercorsa SP
– ล้อหลัง อะลูมิเนียม 3 ก้านตัว Y ของ MARCHESINI ขนาด 200/55 R 17 รัดด้วยยาง PIRELLI Diablo Supercorsa SP

ถ้าคุณมีใจรักในความเร็วและชื่นชอบมอเตอร์ไซค์สปอร์ต เชื่อว่าหลายๆ คนคงนึกถึงรถค่าย DUCATI มาเป็นอันดับต้นๆ สาเหตุหลักๆ เลยก็คือ รถค่ายนี้แต่ละรุ่นจะเน้นความแรง สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม พร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยจากสนามแข่งทั้ง Moto GP และ WSBK ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีความพิเศษและเอกษณ์เฉพาะตัว ทำให้เกิดอาการ ใจหายมิใช้น้อยเพราะรถรุ่นที่จะนำเสนอนี้จะกลายเป็นตำนานไปซะแล้ว

ขอขอบคุณภาพจาก www.ducati.com

1.2.3.4.5.6.7.8.9.10.11.12.13.14.15.16.17.18.19.20.21.22.23.24.25.

HARLEY-DAVIDSON Street Rod 750 2017 “มาดเข้ม จากอเมริกา”

$
0
0

HARLEY-DAVIDSON Street Rod 750 2017 “มาดเข้ม จากอเมริกา”
HARLEY-DAVIDSON Street Rod 750 2017.
HARLEY-DAVIDSON Street Rod 750 2017

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ แบบ V-Twin 60 องศา

ระบบระบายความร้อน : หม้อน้ำ

ขนาดความจุ : 749 ซีซี.

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 12.0 : 1

แรงบิตสูงสุด : 61 นิวตัน ที่ 4,000 รอบ/นาที

ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก เท่ากับ : 85 x 66 มม.

ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : ด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์

ระบบเกียร์ : เป็นเกียร์รวม ธรรมดา 6 สปีด

ขับเคลื่อนด้วย : สายพาน

สตาร์ทเครื่องด้วย : ระบบไฟฟ้า

อัตราทดเกียร์ (โดยรวม)
-1st 14.272
-2nd 10.074
-3rd 7.446
-4th 6.006
-5th 5.037
-6th 4.533

ไฟหน้า : ทรงกลมดวงเดียว

ไฟเลี้ยวหน้า/หลัง : เป็นแบบยื่นออกมานอกตัวรถ

ชุดเรือนไมล์ : ย้ายไปติดอยู่ที่แฮนด์

กระจกมองข้าง : ทรงกลมติดอยู่ที่ปลายแฮนด์

แฮนด์ : เป็นเหมือนเส้นตรง คล้ายๆ กับรถทางฝุ่น แต่จะกางและกว้างกว่า

ถังน้ำมัน : ลดความเหลี่ยมลง เพิ่มความกลมมนมากขึ้น

เบาะนั่ง : ให้ความรูปสึกแบบสปอร์ต นั่งสบายๆ

ที่พักเท้า : มีการจัดวางท่าหนังที่ดี

ท่อไปเสีย : ทูว์อินวันสีดำ

มิติตัวรถ
– ความยาวของตัวรถ : 2,130 มม.
– ระยะห่างฐานล้อ : 1,510 มม.
– ความสูงจากพื้นถึงเบาะนั่ง : 765 มม.
– ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ : 205 มม.
– ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง : 13.1 ลิตร
– น้ำหนักตัวรถ : 238 กิโลกรัม

วงล้อ/ยาง
– หน้า ล้ออะลูมิเนียมล้อซี่เปลือย 7 ซี่สีดำ ยางขนาด 120/70 R17 58V
– หลัง ล้ออะลูมิเนียมล้อซี่เปลือย 7 ซี่สีดำ ยางขนาด 160/60 R17 69V

ระบบกันสะเทือน
– หน้า เป็นช็อคหัวกลับขนาด 43 มม.
– หลัง เป็นแบบคู่แบบใหม่ ระยะยุบตัว 117 มม.

ระบบเบรค
– หน้า เป็นดิสก์เบรคจานคู่ขนาด 300 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ มีระบบ ABS
– หลัง เป็นดิสก์เบรคคู่ พร้อมระบบ ABS

เมื่อไม่นานมานี้เราได้รับเกียรติให้ลองขับขี่รถรุ่นใหม่ของ HARLEY-DAVIDSON ซึ่งรถที่ว่านี้มีพื้นฐานใกล้เคียงกับ Street 750 ที่เคยออกมาทำตลาดเมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่ในครั้งนั้นรถอาจจะยังดูไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด ก็เลยทำให้เรา เรา และเรา ไม่ค่อยได้เห็นรถรุ่นนี้วิ่งบนถนนสักเท่าไหร่ ทางต้นสังกัดก็วิตกเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เพราะต้องการจะนำรถที่ว่านี้มาเจาะตลาดกลุ่มใหม่ แต่ ทำไม ยังตีไม่แตกสักที ก็เลยระดมสมองและนักออกแบบจับรถรุ่นดังกล่าวมาแต่งหน้าทาปากใหม่ ก่อนจะคลอดออกมาเป็น Street Rod 750

ขอขอบคุณภาพจาก ultimatemotorcycling.com และ www.bikeexif.com

191011121314152345678

YAMAHA TR1 Custom “ใครเห็นเป็นต้องมอง ครูสเซอร์สายหมอบ”

$
0
0

YAMAHA TR1 Custom “ใครเห็นเป็นต้องมอง ครูสเซอร์สายหมอบ”
YAMAHA TR1 Custom
YAMAHA TR1 Custom

สำนักแต่ง : Roland Snel

เครื่องยนต์ : V 75 องศา 2 สูบ

ความจุ : 981 ซีซี.

ให้กำลังสูงสุด : 69 แรงม้า

แรงบิดสูงสุด : 81 นิวตัน-เมตร

ระบบเกียร์ : ธรรมดา 5 สปีด

ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : ด้วยคาร์บูเรเตอร์แบบอัพเกรดใหม่เพื่อให้จ่ายเชื้อเพลิงได้คล่องขึ้นจากชุด Dynojet Stage 1 ตามด้วยกรองเปลือย K&N และติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออนไว้ใต้สวิงอาร์มหลัง

ไฟหน้า : เป็นดวงกลมโคมเหลืองแบบ Bates-Style มาทำหน้าที่ส่องสว่างและเพิ่มความเก๋า

มาตรวัด : เป็นดิจิตอล ทรงกลม

แฮนด์ : แฮนด์จับช็อค ปั๊มลอยปลอกแฮนด์ ปลายแฮนด์

ไฟเลี้ยว : ด้านหน้าติดอยู่ที่ปลายแฮนด์แบบรมดำ

กระจกมองข้าง : ติดอยู่ที่ปลายแฮนด์ ทรงกลม

ถังน้ำมัน : ตีใหม่แบบเรียวยาวประกบกับฝาปิดโครเมี่ยม พร้อมสาดสีแดงใส่และติดด้วยลายประจำค่าย ตามด้วยโลโก้ค่ายซึ่งออกแบบลูกเล่นภายในใหม่ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น

เบาะนั่ง : สั่งตีใหม่เป็นแบบหัวกระสุนที่มีส่วนโค้งด้านหลังบ่งบอกถึงความเป็นรถ Cafe Racer

ไฟท้าย : เป็น LED รมดำทรงรีไว้ใต้เบาะ

พักเท้า : ติดตั้งเกียร์โยงลงไปเพื่อให้ท่วงท่าการขี่ดูสปอร์ตขึ้น

ท่อไอเสีย : ชุดใหม่ MAC แบบ 2-2 เคลือบด้วยเซรามิคโค้ทสีดำสนิท

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า เป็นช็อคอับ USD จาก DUCATI 916
– ด้านหลัง เป็นช็อคอับคู่ของ SHOWA เหมือนกับที่ใช้ใน TRIUMPH Speed Triple

ระบบเบรค
– ด้านหน้า ยกจานเบรคและคาลิเปอร์ 4 พอท ของ Brembo
– ด้านหลัง เป็นดรัมเบรคจาก Honda CB 750

ล้อ/ยาง
– หน้า เป็นอะลูมิเนียม AKRON ซี่ลวดพร้อมดุมล้อจาก Honda GL 1000 ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง METZELER Roadtec Z8s
– หลัง เป็นอะลูมิเนียม AKRON ซี่ลวดพร้อมดุมล้อจาก Honda GL 1000 ขนาด 17 นิ้ว กว้าง 5.5 นิ้ว พร้อมยาง METZELER Roadtec Z8s

หนึ่งในครูสเซอร์ที่ใช้เครื่องสูบ V เช่นเดียวกับ Virago วันนี้ถูกจับมาแปลงกายให้มีทีเด็ดขึ้นทำเนียบรถสุดเก๋าที่พกของมาจนรถรุ่นใหม่ต้องยอมหยุดดู แม้ว่าตัวเป็นๆ ในบ้านเราแทบจะไม่มีหรือไม่มีให้เห็นก็ตามที ทว่าไอเดียเด็ดๆ แบบนี้จับไปดัดแปลงใส่สายพันธุ์สูบ V ซึ่งมีจำหน่ายในบ้านเราก็ทำได้ไม่ยากเย็น เว้นแต่ว่าจะกล้าทำมาเล่นหรือไม่ก็เท่านั้นเอง

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก www.bikeexif.com

123456789101112

A.P.Honda ประกาศจับมือพันธมิตร Greyhound ลุยเปิดไลฟ์สไตล์ คอนเซปท์ สโตร์ มุ่งสร้างประสบการณ์ใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

$
0
0

A.P.Honda ประกาศจับมือพันธมิตร Greyhound ลุยเปิดไลฟ์สไตล์ คอนเซปท์ สโตร์ มุ่งสร้างประสบการณ์ใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

CUB-House-Conference_03

เอ.พี.ฮอนด้า ประกาศผนึกพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมกับแบรนด์ เกรฮาวด์ ไลฟ์สไตล์แบรนด์แถวหน้าของเมืองไทย เปิดแนวคิดธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ “คับเฮ้าส์” (CUB HOUSE) ที่แฮงเอาท์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟสไตล์ มีความเป็นตัวของตัวเอง มองหาความต่าง และมีแรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆกับรถจักรยานยนต์คุณค่าใหม่ ผ่านสัมผัสทั้ง 5 รูป รส กลิ่น เสียง และ สัมผัส เพื่อสร้างสรรค์เรื่องราวความสนุกใหม่ๆ ของตัวเองผ่านองค์ประกอบหลักของร้านคือ Culture, Unique, Bike วางเป้าจับตลาดกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์เป็นตัวของตัวเอง และอยากได้รถจักรยานยนต์ที่สะท้อนความเป็นตัวเอง ด้วยคุณค่าของผลิตภัณฑ์และการบริการที่เป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้าเพื่อสร้างความสนุกและความภูมิใจที่ได้ครอบครอง รวมถึงความหลากหลายของสินค้าแฟชั่น อาหารและเครื่องดื่มในแบบฉบับของแบรนด์เกรฮาวด์ วางแผนเปิดแฟลกชิพ สโตร์ แห่งแรกในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 บริเวณใจกลางย่านสุขุมวิทและตั้งเป้าเปิดไว้ 40 สาขาในปีพ.ศ. 2563

CUB-House-Conference_02

มร.โยอิจิ มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับไลฟ์สไตล์แบรนด์แถวหน้าของเมืองไทยอย่าง เกรฮาวด์ ถือเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในวงการรถจักรยานยนต์ไทย จุดร่วมของทั้งสองแบรนด์คือ การรังสรรค์สิ่งใหม่ที่เข้าถึงประสาทสัมผัสทั้ง 5 อันได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส ซึ่งรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่สามารถเข้าถึงประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ความงดงามของตัวรถ เสียงเครื่องยนต์ที่ผ่านไปยังท่อไอเสีย และเมื่อได้ขับขี่ออกไปก็ได้สัมผัสกลิ่นอายของเมือง ความร้อนหรือความเย็นจากลมที่มากระทบกาย ทุกอย่างล้วนรับรู้ถึงประสาทสัมผัสทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าหลงไหลเป็นอย่างมาก ประกอบกับเสื้อผ้าและอาหารจากเกรฮาวด์ แบรนด์ไทยช่างคิดที่มีสไตล์ที่โดดเด่น แตกต่างและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพทั้งผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ล้วนเกิดขึ้นจากความเคารพในประสาทสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์ ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญที่สุดเพื่อให้ผู้บริโภคได้แสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง

CUB-House-Conference_01

“ด้วยจุดร่วมที่เหมือนกัน เราต้องการนำเสนอคุณค่าใหม่ที่ไม่มีใครได้สัมผัสมาก่อนผ่านร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์รูปแบบใหม่ที่มีชื่อว่า “คับเฮ้าส์” (CUB HOUSE) เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งถึงปลายทางของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในร้านรถจักรยานยนต์แห่งนี้นั่นคือ ความสนุก ความภูมิใจที่ได้ครอบครองและได้สะท้อนความเป็นตัวเองผ่านร้านรูปแบบใหม่แห่งนี้” มร.โยอิจิ กล่าวเสริม

CUB-House-Conference_05

ขณะที่ นายภาณุ อิงคะวัต ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท เกรฮาวด์ จำกัด กล่าวว่า การร่วมเป็นพันธมิตรกับ เอ.พี. ฮอนด้า ในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ “เกรฮาวด์” ได้พัฒนาสินค้าและบริการรูปแบบใหม่ๆ รวมทั้งการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้ที่ชื่นชอบรถจักรยานยนต์ สำหรับการร่วมกันพัฒนา คับเฮ้าส์ถือเป็นเพียงก้าวแรก ในอนาคตบริษัทยังมีแผนพัฒนาและนำเสนอสินค้าแฟชั่น และอาหารหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าของทั้งสองฝ่ายที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

“คับเฮ้าส์ ถือเป็นไลฟ์สไตล์ คอนเซปท์ สโตร์ ที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ ที่ผสมผสานเรื่องของแฟชั่น อาหารได้อย่างลงตัว ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า และสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการรถจักรยานยนต์เมืองไทยได้ด้วย” นายภาณุ กล่าวทิ้งท้าย

CUB-House-Conference_07

สำหรับ “คับเฮ้าส์” (CUB HOUSE) เป็นชื่อที่สะท้อนความเป็นตำนานต้นกำเนิดของฮอนด้า โดยจะเป็นที่แฮงเอาท์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟสไตล์เป็นตัวของตัวเองกับรถจักรยานยนต์คุณค่าใหม่ของฮอนด้า และสื่อถึงองค์ประกอบของร้านที่เกิดจาก Culture, Unique, Bikes ด้วยการสะท้อนวัฒนธรรมการแบ่งปันและสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆผ่านสินค้าแฟชั่น อาหารและเครื่องดื่มที่จะเกิดขึ้นภายในร้าน ด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ถูกคัดสรรและพัฒนาภายใต้แนวคิด “ทูเดย์ ออริจินอล” (Today Original) ให้เป็นรถจักรยานยนต์ที่สะท้อนเรื่องราวความเป็นออริจินอลแต่ได้รับการพัฒนาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันและเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างความภูมิใจที่ได้ครอบครองของกลุ่มเป้าหมาย โดยไลฟ์สไตล์ คอนเซปท์ สโตร์ แห่งนี้ยังจะเป็นเหมือนพื้นที่ (Co-Creation Space) ให้ผู้บริโภคได้มาออกแบบ ตกแต่ง และสะท้อนความเป็นตัวเองลงบนรถคันโปรด

“คับเฮ้าส์” (CUB HOUSE) พร้อมเปิดให้คนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ มีแรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่กับรถจักรยานยนต์ได้สัมผัสกันตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป โดยแฟลกชิพ สโตร์แห่งแรกจะเปิดให้บริการที่ย่านสุขุมวิท-เอกมัย และมีแผนขยายสาขาไปยังหัวเมืองหลักและตลาดที่มีศักยภาพ โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ 40 สาขาในปีพ.ศ. 2563

ลุ้นระทึกสนามสุดท้าย “สพฐ.- เอ.พี. ฮอนด้า เรดแชมเปี้ยน แข่งขันทักษะฟุตบอลชิงแชมป์ไปอังกฤษปี 7″เยาวชนอีสาน 500 คน ร่วมแบทเทิลชี้ชะตาจุดพลังฝันสู่เมืองผู้ดีเป็นทีมที่ 5

$
0
0

ลุ้นระทึกสนามสุดท้าย “สพฐ.- เอ.พี. ฮอนด้า เรดแชมเปี้ยน แข่งขันทักษะฟุตบอลชิงแชมป์ไปอังกฤษปี 7″ เยาวชนอีสาน 500 คน ร่วมแบทเทิลชี้ชะตาจุดพลังฝันสู่เมืองผู้ดีเป็นทีมที่ 5

Red-Of-Champion

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย จัดกิจกรรม “สพฐ.- เอ.พี. ฮอนด้า เรดแชมเปี้ยน แข่งขันทักษะฟุตบอลชิงแชมป์ไปอังกฤษปี 7″ ประจำปี 2560 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเฟ้นนักเตะเยาวชนไทยอายุ 12-15 ปี ที่กำลังศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษา ที่มีทักษะฟุตบอลขั้นพื้นฐานดีที่สุด จาก 5 ภาครวม 25 คน จากสถานศึกษาทั่วประเทศ ไปอบรมทักษะฝีเท้าในรูปแบบ Short Training Course กับสโมสรฟุตบอลชั้นนำถึงประเทศอังกฤษ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2560 ได้ดำเนินมาถึงการแข่งขันสนามสุดท้าย สนามที่ 5 ชิงแชมป์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมี ประภาพร สำเรียงจิตต์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 1 ในฐานะตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นประธานเปิดการแข่งขันร่วมกับนายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมบริหาร และนางศรีรัตน์ หงษ์สวัสด์ ผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานองค์กรความยั่งยืน บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า ณ สนามกีฬากลางจังหวัดขอนแก่น จ.ขอนแก่น ซึ่งมีเยาวชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากทั้ง 20 จังหวัดที่เตรียมฝึกซ้อมทักษะฟุตบอลมาอย่างเต็มที่เข้าร่วมแบทเทิล 5 สถานี เดาะ-เลี้ยง-ส่ง-โหม่ง-ยิง ทั้งสิ้น 500 คน รวม 100 ทีม

นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “กิจกรรม สพฐ.-เอ.พี. ฮอนด้า เรดแชมเปี้ยน แข่งขันทักษะฟุตบอลชิงแชมป์ไปอังกฤษปี 7 ได้ดำเนินมาถึงสนามสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตลอด 4 สนามแรกที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีมาก เบ็ดเสร็จแล้วทั้ง 5 สนามมีเยาวชนเข้าร่วมแบทเทิลทั้งสิ้น 2,200 คน รวมทั้งหมด 440 ทีม ซึ่งปีนี้เรายังคงให้ความสำคัญกับพื้นฐานทักษะฟุตบอล 100% และหวังว่ากิจกรรมนี้จะเป็นเวทีที่เปิดให้เยาวชนไทยที่รักในกีฬาฟุตบอลได้แสดงศักยภาพออกมาเพื่อคว้าโอกาสไปพัฒนาทักษะลูกหนังของตัวเองต่อกับสโมสรชั้นนำที่ประเทศอังกฤษ และเป็นพลังในการก้าวขึ้นสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพในนามทีมชาติไทยหรือสังกัดสโมสรต่างๆ เหมือนรุ่นพี่ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วตลอด 6 ปีที่ผ่านมา”

ทั้งนี้ผู้ชนะในการแข่งขัน “สพฐ.-เอ.พี. ฮอนด้า เรดแชมเปี้ยน แข่งขันทักษะฟุตบอลชิงแชมป์ไปอังกฤษปี 7″ ประจำปี 2560 ทั้ง 4 สนามที่แข่งขันไปเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย แชมป์สนามแรกภาคกลาง คือ โรงเรียนวังตะเคียนวิทยาคม ทีม B จากจังหวัดปราจีนบุรี สนับสนุนโดย หจก.ประสิทธิ์มอเตอร์ปราจีนบุรี ได้คะแนนรวม 367 คะแนน, แชมป์สนาม 2 กรุงเทพฯ และปริมณฑล คือ โรงเรียนราชวินิตบางเขน ทีม A สนับสนุนโดย บจก. ชาญกิจเจริญ คะแนนรวม 248 คะแนน, แชมป์สนาม 3 ภาคใต้ คือ โรงเรียนกำแพงวิทยา ทีม A สนับสนุนโดย บจก. เซาเทอร์นมอเตอร์เซลส์ จ. สตูล คะแนนรวม 203 คะแนน และแชมป์สนาม 4 ภาคใต้ คือ โรงเรียนวชิราลัย ทีม A จาก จ.เชียงใหม่ สนับสนุนโดย บจก.นัติมอเตอร์ คะแนนรวม 361 คะแนน

สำหรับ “สพฐ.-เอ.พี. ฮอนด้า เรดแชมเปี้ยน แข่งขันทักษะฟุตบอลชิงแชมป์ไปอังกฤษปี 7″ แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 รอบ ได้แก่รอบการคัดเลือกระดับ สพม. ดำเนินการโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ และรอบชิงแชมป์ระดับภาค 5 ภาค โดยผู้ชนะเลิศแต่ละภาคทั้ง 5 ทีมรวม 25 คนจะได้ไปฝึกทักษะฟุตบอลแบบมืออาชีพในรูปแบบ Short Training Course กับสโมสรฟุตบอลชั้นนำที่ประเทศอังกฤษในช่วงต้นปี 2561 และทีมที่มีคะแนนสูงสุดเพียงทีมเดียวจะได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

เยาวชนที่สนใจจะเติมเต็มความฝันสู่นักฟุตบอลอาชีพ สามารถสมัครร่วมการแข่งขันได้ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศโดยติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.aphonda.co.th

สมเกียรติ” คัมแบ็กหรู ซิวที่ 13 คว้าแต้มโมโตทรี จูเนียร์ ที่สเปน

$
0
0

สมเกียรติ” คัมแบ็กหรู ซิวที่ 13 คว้าแต้มโมโตทรี จูเนียร์ ที่สเปน

Somkiat-Moto3-CEV

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดดาวรุ่งชาวไทยจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม หมายเลข 35 คัมแบ็กจากอาการบาดเจ็บ ทำผลงานยอดเยี่ยมเข้าป้ายอันดับ 13 คว้าเพิ่ม 3 แต้มจากศึก 2 ล้อชิงความเป็นหนึ่งของดาวรุ่งทั่วโลกรายการ โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ สนาม 6 ที่ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ ประเทศสเปน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

การแข่งขันจักรยานยนต์จูเนียร์ชิงแชมป์โลก รายการ เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2017 สนาม 6 ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ ประเทศสเปน ชิงชัยทั้งสิ้น 16 รอบสนาม

ในเรซนี้มีนักบิดไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ​หมายเลข 35 คัมแบ็กสู่แทร็กอีกครั้งหลังต้องพักรักษาตัวกว่า 3 เดือน โดยร่างกายยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ออกตัวจากกริดที่ 21 ขณะที่ตำแหน่งโพลเป็นของ อลองโซ โลเปซ นักบิดสแปนิชจาก จูเนียร์ ทีม เอสเตรลล่า การ์ลิเซีย ตามด้วย อาอิ โอกุระ ดาวรุ่งญี่ปุ่นจาก เอเชีย ทาเลนต์ ทีม ในกริดที่ 2 ขณะกริดที่ 3 เป็นของ ฆัวเม มาเซีย นักบิดสแปนิชจาก คูนา เดอ คัมโปเนส

ออกสตาร์ทด้วยการขยับขึ้นนำของ โลเปซ เจ้าของโพล ด้าน สมเกียรติ ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 15 และขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 14 ในรอบที่ 4 โดยในช่วงท้ายนักบิดไทยขยับขึ้นมารั้งอันดับ 13 และเข้าป้ายในอันดับดังกล่าวด้วยเวลา 29 นาที 12.714 วินาที ตามหลังแชมป์อย่าง โลเปซ 9.080 วินาที

ภายหลังจบสนาม 6 สมเกียรติเก็บเพิ่มเป็น 11 คะแนน รั้งอันดับ 21 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ ขณะที่ยังเหลือการแข่งขันอีก 2 สนาม โดยสนามถัดไปจะดวลความเร็วในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ ที่ มอเตอร์แลนด์​อรากอน ประเทศสเปน ก่อนจะแข่งขันสนามสุดท้ายในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ที่ ริคาร์โด ตอร์โม เซอร์กิต เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน

แฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารและร่วมส่งแรงใจเชียร์ทีมแข่งสัญชาติไทย “เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ได้ทางเว็บไซต์ www.aphondaracingthailand.com


BMW จับมือเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด รับกระแสบิ๊กไบค์ขยายโชว์รูมย่านพระราม 5 พร้อมเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B

$
0
0

BMW จับมือเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด รับกระแสบิ๊กไบค์ขยายโชว์รูมย่านพระราม 5 พร้อมเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B

BMW-K1600B

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำโดย มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน (ที่ 3 จากซ้าย) มร.มาร์คุส เกลเซอร์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย (ที่ 2 จากซ้าย) และ คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย (ที่ 4 จากซ้าย) ร่วมด้วย คุณสุทิวัส ชัยศิริวิเชียร ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเอฟ มอเตอร์ราด จำกัด (ที่ 1 จากซ้าย) ขยายความแข็งแกร่งในธุรกิจบิ๊กไบค์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เปิดตัวโชว์รูมเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด ณ ถนนพระราม 5 พร้อมมอบบริการมาตรฐานระดับโลก ครบครันทั้งโชว์รูมจำหน่ายและทีมบริการหลังการขายมืออาชีพ

กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ขยายความแข็งแกร่งในธุรกิจบิ๊กไบค์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เปิดตัวโชว์รูมเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด บนถนนพระราม 5 ขยายศักยภาพและตอบรับกระแสตลาดบิ๊กไบค์ที่ยังคงโตอย่างต่อเนื่อง ชูการให้บริการมาตรฐานระดับโลกที่เข้าใจนักขี่บิ๊กไบค์ในทุกแง่มุม ครอบคลุมทั้งการจำหน่าย สินค้าไลฟ์สไตล์ และการให้บริการหลังการขาย

มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ เอ็มเอฟ มอเตอร์ราด ในการมอบที่สุดแห่งประสบการณ์บิ๊กไบค์และบริการพรีเมียมให้แก่ลูกค้าในย่านถนนพระราม 5 ความร่วมมือในครั้งนี้คือผลจากความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในประเทศไทย พร้อมแนวโน้มการเติบโตของตลาดบิ๊กไบค์ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น เราจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด ในการขยายโชว์รูมและสร้างการเข้าถึงต่อลูกค้าในกรุงเทพฯ ได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น ทั้งยังตอกย้ำความแข็งแกร่งของทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด ในประเทศไทย โดยเรามีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่นี้”

“เอ็มเอฟ มอเตอร์ราด ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 และด้วยความสามารถในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ซึ่งเกิดจากความเข้าใจและรู้จักลูกค้าทุกคนเป็นอย่างดี เราจึงขยายการให้บริการในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟ โชว์รูมของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มาสู่ย่านพระราม 5 นี้ พร้อมด้วยทีมที่ชำนาญและเชี่ยวชาญในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าที่มีความเฉพาะตัวในแต่ละบุคคล ภายใต้ความเป็น One Stop Service for Big Bike” คุณสุทิวัส ชัยศิริวิเชียร ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเอฟ มอเตอร์ราด จำกัด กล่าว

“กลยุทธ์หลักของเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด คือการให้ความสำคัญสูงสุดกับการให้บริการ เรามุ่งเน้นการทำความรู้จักและการทำความเข้าใจลูกค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริการหลังการขายที่ตอกย้ำความเป็นตัวจริงเรื่องบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด นอกจากนั้นเรายังวางแผนขยายโชว์รูมเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อต่อยอดความสำเร็จระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด ที่มีอย่างต่อเนื่องอีกด้วย” คุณสุทิวัสกล่าวเสริม

โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด พระราม 5 ซึ่งเป็นสาขาที่สองของเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,400 ตารางเมตร ด้วยงบประมาณการลงทุนกว่า 40 ล้านบาท มีพนักงานและเจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการกว่า 17 คน จึงสามารถมอบบริการทั้งด้านการขายและบริการหลังการขายที่ตรงตามมาตรฐานระดับโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในทุกด้าน โดยตัวอาคารและพื้นที่แสดงมอเตอร์ไซค์ที่ได้รับการออกแบบเพื่อยกระดับประสบการณ์ที่มีต่อแบรนด์ให้กับลูกค้า ในขณะที่โซนจัดแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์และโซนรับรองลูกค้าได้รับการจัดวางและออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายสูงสุดของลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เป็นหัวใจสำคัญ

เอ็มเอฟ มอเตอร์ราด มีพนักงานให้คำปรึกษาทางด้านการขายและบริการหลังการขาย ซึ่งได้รับการอบรมจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตามมาตรฐานในระดับเดียวกันกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลก พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อมอบความประทับใจเหนือระดับให้กับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดทุกท่าน

โชว์รูมเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด พระราม 5 ตั้งอยู่ที่ 135/5 หมู่ 7 ถนนนครอินทร์ ต. บางคูเวียง อ. บางกรวย นนทบุรี 11130 โทรศัพท์ 02-449-4893-4

ต่อยอดความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในตลาดบิ๊กไบค์ เปิดตัวต่อเนื่องด้วยบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B
มร. มาร์คุส เกลเซอร์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เปิดเผยว่า “บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า เราจึงพร้อมยกระดับอีกขั้นของผลิตภัณฑ์ด้วยการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B มอเตอร์ไซค์แบ็กเกอร์ที่มอบทั้งความสะดวกสบายในการเดินทางควบคู่ความปราดเปรียวในการขับขี่ได้อย่างใจนึก พร้อมดึงดูดทุกสายตาบนท้องถนน”

บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B มาพร้อมกับงานออกแบบและสมรรถนะที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งอิสรภาพบนท้องถนน มอบทั้งความสง่างาม หรูหรา และพละกำลังที่เหลือล้น จนเติมรสชาติให้ทุกเส้นทาง

บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B
ราคาจำหน่าย 1,450,000 บาท

บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B ใหม่ พร้อมโลดแล่นไปบนท้องถนนอย่างสง่างามด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ ที่มาพร้อมกับเครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยาแบบใหม่ และมีการปรับเปลี่ยนระบบให้ลดอัตราการปล่อยมลภาวะตามเกณฑ์ EU4 ส่วนในด้านสมรรถนะ สามารถให้พละกำลังได้สูงสุดถึง 118 กิโลวัตต์หรือ 160 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงถึง 175 นิวตันเมตร ที่ 5,250 รอบต่อนาที พร้อมระบบควบคุมช่วงล่างแบบไฟฟ้า Dynamic ESA ที่ปรับความแข็งของช่วงล่างได้อัตโนมัติตามสภาพการขับขี่ ทั้งยังสามารถเลือกเปลี่ยนสไตล์การขับขี่ได้ระหว่างโหมด “Road” และ “Dynamic” เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส

บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B ใหม่ มาพร้อมกับการออกแบบสไตล์แบ็กเกอร์ ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ได้รับความนิยมในประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยองค์ประกอบที่ลงตัวในฉบับของมอเตอร์ไซค์สไตล์ทัวริ่ง โดดเด่นและแตกต่างด้วยทรวดทรงที่ดูเพรียวลมและคล่องตัว ผสมผสานกับสัญญาณไฟท้ายที่ติดตั้งไว้เป็นส่วนหนึ่งของกระเป๋าสัมภาระทั้งสองข้างอย่างลงตัวตามฉบับอเมริกัน รวมไปถึง Floorboard ที่ทำให้ท่านั่งในการขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B ใหม่ ยังพกอุปกรณ์มาตรฐานอีกมากมายเพื่อเสริมประสบการณ์ในการขับขี้ให้คล่องตัวและราบรื่นยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบ ABS Pro, ระบบ Dynamic Traction Control ระบบ Keyless Ride ชุดเครื่องเสียงพร้อมรองรับระบบนำทาง และบลูทูธ ระบบ Hill Start Control (HSC) ที่ช่วยให้สามารถสตาร์ทเครื่องบนทางลาดชันได้สะดวกยิ่งขึ้น ระบบ Gear Shift Assist Pro ที่เปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคลัทช์ พร้อมทั้งระบบทำความร้อนที่แฮนด์ (Heated Grips) และอื่นๆอีกมากมาย ให้คุณได้โลดแล่นสู่จุดหมายในท่วงท่าที่ทั้งสบายตัวและสง่างาม ท้าทายทุกสายตา

บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B เปิดตัวด้วยสีใหม่ Black Storm Metallic ที่ผสมผสานกับสีดำในเฉดอื่นๆบนตัวถังได้อย่างลงตัว เพื่อขับเน้นรูปร่างของตัวรถให้ดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น

แสตมป์ – อภิวัฒน์ สุดห้าวไล่บู๊สะท้านแทร็ค รับธงคันที่ 2 ถูกปรับจบอันดับ 6 เรซ 2 ศึก CEV Moto3 Junior World Championship สนาม 6

$
0
0

แสตมป์ – อภิวัฒน์ สุดห้าวไล่บู๊สะท้านแทร็ค รับธงคันที่ 2 ถูกปรับจบอันดับ 6 เรซ 2 ศึก CEV Moto3 Junior World Championship สนาม 6

Stamp

แสตมป์ – อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #22 นักบิดดาวรุ่งสังกัด YAMAHA THAILAND RACING TEAM ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันศึกชิงแชมป์โลกรุ่น Moto3 Junior World Championship ภายใต้สังกัดทีม VR46 MASTERCAMP Team ประกาศศักดานักบิดสายเลือดไทยอย่างยิ่งใหญ่ หลังออกสตาร์ทจากอันดับสุดท้าย โชว์ความแกร่งไล่บู๊คู่แข่งแบบสุดมันส์ ก่อนทะยานเข้าเส้นชัยรับธงตราหมากรุกเป็นคันที่ 2 แต่ถูกปรับโทษ 5 วินาที ส่งผลให้จบการแข่งขันอย่างเป็นทางการในอันดับที่ 6 ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการ CEV moto3 Junior World Championship 2017 สนามที่ 6 เรซ 2 ซึ่งหลังจบการแข่งขันสนามนี้ นักบิดไทยรั้งอันดับที่ 13 ในตารางคะแนนสะสม โดยการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้น ณ สนาม Jerez ประเทศสเปน เมื่อเร็วๆ นี้

ขุนพลนักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ระเบิดฟอร์มสุดร้อนแรงยืนโพเดี้ยมสนามแข่งระดับโลกแบบสุดมันส์พร้อมการันตีแชมป์ประเทศไทย

$
0
0

ขุนพลนักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ระเบิดฟอร์มสุดร้อนแรงยืนโพเดี้ยมสนามแข่งระดับโลกแบบสุดมันส์พร้อมการันตีแชมป์ประเทศไทย

Yamaha-BRIC-Superbike

นักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ตอกย้ำความแรงรถแข่งตระกูล R-Series ระเบิดฟอร์มสุดร้อนแรงเหมาโพเดี้ยมบนสนามแข่งระดับโลกได้แบบสุดมันส์ ในการแข่งขัน ALL THAILAND SUPERBIKES CHAMPIONSHIP 2017 สนามที่ 9 รายการ PTT BRIC SUPERBIKE CHAMPIONSHIP 2017 สนามที่ 3

โดย ซุป – อนุชา นาคเจริญศรี #10 สู้สุดใจก่อนหวดคันเร่ง YZF-R1 ไล่บี้คู่แข่งแบบสุดมันส์ ก่อนทะยานเข้าเส้นชัยคว้าอันดับที่ 2 รุ่น Super Bike 1000 cc (SB1) ตามหลังผู้นำเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น

โซ่ – อานนท์ สังวาลย์ #3 โชว์ฟอร์มดุ กระชากคันเร่ง YZF-R1 ไล่บี้คู่แข่งสุดมันส์ตั้งแต่ต้นเกม ก่อนกระชากคันเร่งรถแข่งคู่ใจสยบคู่แข่ง คว้าชัยอันดับที่ 1 ในรุ่น Super Stock 1000 cc (ST1)

เบิร์ด – ประวัติ ญาณวุฒิ #95 บิดคันเร่ง YZF-R6 ทิ้งห่างคู่แข่งแบบขาดลอย ก่อนทะยานคว้าอันดับที่ 1 รุ่น Super Sport 600 cc (SS1) การันตีแชมป์ประเทศไทยได้สำเร็จ

โดยการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อเร็วๆ นี้

“สมเกียรติ” เข้าเส้นชัยอันดับ 7 เก็บ 12 แต้มระดับโลกจากสเปน

$
0
0

“สมเกียรติ” เข้าเส้นชัยอันดับ 7 เก็บ 12 แต้มระดับโลกจากสเปน

Somkiat-Moto3-CEV

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดดาวรุ่งชาวไทยจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม หมายเลข 35 คัมแบ็กจากอาการบาดเจ็บ ทำผลงานยอดเยี่ยมเข้าป้ายอันดับ 13 ในเรซแรก และอันดับ 7 ในเรซสอง หลังแซงคู่แข่งร่วม 14 คัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คว้าเพิ่ม 12 แต้มสำคัญในระดับโลก จากศึก 2 ล้อชิงความเป็นหนึ่งของดาวรุ่งทั่วโลกรายการ “โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” สนาม 6 ที่ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ ประเทศสเปน

การแข่งขันจักรยานยนต์จูเนียร์ชิงแชมป์โลก รายการ เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2017 สนาม 6 ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ ประเทศสเปน ชิงชัยทั้งสิ้น 16 รอบสนาม ซึ่งสนามนี้จะดวลความเร็วกัน 2 เรซ

โดยนักบิดไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ​หมายเลข 35 คัมแบ็กสู่แทร็กอีกครั้งหลังต้องพักรักษาตัวกว่า 3 เดือน และจากร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ทำให้ยังไม่สามารีดประสิทธิภาพร่างกายได้อย่างเต็มที่ ได้ออกตัวจากกริดที่ 21 และแซงคู่แข่งถึง 8 คัน ทะยานขึ้นมาคว้าอันดับ 13 ได้อย่างสุดมันส์ในการแข่งขันเรซแรก

ส่วนในเรซ 2 ที่แข่งขันห่างกัน 2 ชั่วโมง สมเกียรติ ยังคงได้ออกตัวจากกริดเดิม โดยนักบิดไทยมีความมั่นใจขึ้นมาก หลังจากปรับตัวและทำผลงานได้ดีในเรซแรก ซึ่งภายหลังออกสตาร์ท สมเกียรติ ต่อสู้ในกลุ่มกลางได้อย่างสนุก ค่อยๆ ไต่ขึ้นมารั้งอันดับท็อปเท็น ก่อนจะแซงคู่แข่งขึ้นมาจบเรซในอันดับ 7 ตามหลังแชมป์อย่าง อาอิ โอกุระ ซึ่งเป็นทีมเมทในสังกัด เอเชีย ทาเลนต์ ทีม เพียง 7.494 วินาที เท่านั้น

ภายหลังจบการแข่งขัน 2 เรซ ในสนามที่ 6 ที่ เฆเรซ สมเกียรติที่คว้าอันดับ 13 และอันดับ 7 เก็บเพิ่มเป็น 20 คะแนน รั้งอันดับ 20 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ ขณะที่ยังเหลือการแข่งขันอีก 2 สนาม โดยสนามถัดไปจะดวลความเร็วในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ ที่ มอเตอร์แลนด์​อรากอน ประเทศสเปน ก่อนจะแข่งขันสนามสุดท้ายในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ที่ ริคาร์โด ตอร์โม เซอร์กิต เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน

แฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารและร่วมส่งแรงใจเชียร์ทีมแข่งสัญชาติไทย “เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ได้ทางเว็บไซต์ www.aphondaracingthailand.com

HONDA CB400 Custom “เรียบง่ายแต่ร้อนแรง”

$
0
0

HONDA CB400 Custom “เรียบง่ายแต่ร้อนแรง”
HONDA CB400 Custom
HONDA CB400 Custom

สตาร์ทเครื่องด้วย : ระบบไฟฟ้า

ขับเคลื่อนด้วย : โซ่ / สเตอร์

ไฟหน้า : ไฟหน้าเดิมเพาเดอร์โค้ทให้ดำสนิท

แฮนด์ : แฮนด์จับช็อคมาวางให้ท่วงท่าการขี่สปอร์ตขึ้น

ไฟเลี้ยว : ของ KELLERMANN ติดอยู่ที่ปลายแฮนด์

มาตรวัดค่า : แบบถ้วยเล็กของ MOTOGADGET

กระจกมองหลัง : เป็นทรงกลมติดไว้ที่แฮนด์ฝั่งซ้ายเรียบง่ายแต่โล่งตาเวลาหมอบทำความเร็ว

ถังน้ำมัน : ใช้ของเดิม

บังโคลนหน้า : สั่งตีใหม่ให้สั้นและสาดสีที่เข้ากับเข้ากับถังน้ำมัน

เบาะนั่ง : สั่งตีใหม่แบบเรียบเข้ารูปกับบั้นท้าย

ที่พักเท้า : เปลี่ยนเป็นพักเท้าเกียร์โยงแต่งเสริมท่วงท่าให้กระชับมาขึ้น

ไฟ้ท้าย : ทรงเหลี่ยมไว้ใต้เบาะจากนั้นติดแผ่นยึดป้ายทะเบียน

บั้นท้าย : หั่นของเดิมออกแล้วสร้างใหม่ทรงโค้งสั้นและกระดกขึ้นพร้อมกับเปลือยแฟริ่งให้อารมณ์ Cafe Racer

ท่อสูตร : ตีท่อสูตร BILTWELL ปลายสัน้แต่โต

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า ถอดของเดิมออกแล้วนำชุดใหม่จาก CBR 600 RR แบบ USD มาทำหน้าที่แทน
– ด้านหลัง สร้างจุดยึดช็อคอับแล้วคว้าช็อคอับอันใหม่แบบมีซับแท้งค์พร้อมสปริงสีดำมาทำหน้าที่รับแรงสั่นสะเทือน

เบรค/ล้อ/ยาง
– ด้านหน้า  คว้าขอบ EXCEL มาประกบกับดุมชุดใหม่พร้อมกับติดตั้งเบรคแบบดิสก์คู่พร้อมสายเบรค VENHIL เสร็จแล้วรัดด้วยยาง PIRELLI
– ด้านหลัง เป็นขอบล้อ EXCEL กับดุมล้อจาก KTM เสร็จแล้วรัดด้วยยาง PIRELLI

หนึ่วใน Naked Bike จาก HONDA ที่ชื่อเสียงกระฉ่อนโลก จากความเรียบง่ายแต่ร้อนแรงสามารถใช้งานได้ทั้งในชีวิตประจำวันหรือเดินทางท่องเที่ยว โดยในวันนี้ได้มีผู้จับมาแปลงกายใส่ความเก๋าลงไปให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นบนพื้นฐานที่ยังใช้งานได้ทั่วไป หากใครมีอยู่อยากลองเปลี่ยนอารถมณ์ไปชมกันได้เลย

ขอขอบคุณภาพจาก www.returnofthecaferacers.com

36124578109

YAMAHA SR400 Custom “อีกหนึ่งศิลปะบนท้องถนน ที่ใครเห็นแล้วเป็นต้องมอง”

$
0
0

YAMAHA SR400 Custom “อีกหนึ่งศิลปะบนท้องถนน ที่ใครเห็นแล้วเป็นต้องมอง”
YAMAHA SR400 Custom
YAMAHA SR400 Custom

สำนักแต่ง : Capelo’s Garage

ไฟหน้า : เป็น LED ทรงกลม พร้อมมีหน้ากากโม่งสุดเก๋าจาก DUCATI Pantah ผลงานของ Nuno capelo

แฮนด์ : จับช็อค ชุดคลัชท์ไฮดรอลิคพร้อมมือคลัทช์แต่ง และชุดเบรคหน้าไฮดรอลิค กับมือเบรคแต่งรมดำเช่นเดียวกับครัชท์ตามด้วยปลอกแฮนด์หุ้มพิเศษแบบเดียวกับเบาะ

มาตรวัดค่า : ทรงกลมขนาดใหญ่มองเห็นเด่นชัด

ถังน้ำมัน : ใช้ของเดิมแต่เปลี่ยนฝาถังน้ำมัน Monza-Style และเพิ่มส่วนรองอกเวลาหมอบด้วยแผงไฟเบอร์กล๊าสที่ติดตั้งสัญญาณไฟและมาตรวัดที่จำเป็นลงไปอีก 2 วง

เบาะนั่ง : เป็นแบบแยกซ้าย/ขวา ดูแปลกต่าก่อนที่จะหุ้มด้วยผ้า Cork จากโปรตุเกส

บังโคลนหน้า/หลัง : สไตล์สปอร์ต

บั้นท้าย : ออกแบบใหม่ให้สั้นเป็นงานแฮนด์เมดทำจากไฟเบอร์กล๊าสซึ่งด้านล่างมีไฟท้ายและไฟเลี้ยวแบบ LED วางแนวตั้งครอบด้วยอะคิลิคทรงสวยรับกับให้ความสปอร์ตตามสไตล์ตัวแข่ง

พักเท้า : เกียร์โยง

ท่อไอเสีย : สแตนเลส BOXY ที่รอดอยู่ด้านล่างอย่างลงตัว

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า ช็อคอับของ USD ของ YAMAHA YZF-R 1 ซึ่งจัดการโมใส้ด้วยชุดแต่งจาก K-Tech
– ด้านหลัง ไว้ใจช็อคอับแบบมีซับแท้งค์นานว่า Showa

ระบบเบรค
– หน้า รื้อระบบเบรคแบบดิสก์เบรคออกแล้วนำของ YAMAHA TR 3 แบบดรัมเบรคซึ่งมันให้มนต์ขลังโชว์ความคลาสสิคได้เป็นอย่างดีมารองรับความแรง
– หลัง ใช้ของเดิม

ล้อ/ยาง
– หน้า เป็นอะลูมิเนียมซี่ลวดล้อขอบดำขนาด 17 นิ้ว พร้อมรัดด้วยยาง Michelin
– หลัง เป็นอะลูมิเนียมซี่ลวดขอบดำ

จากทรวดทรงองค์เอสซึ่งออกแนวคลาสสิคอยู่เป็รทุนเดิมของ SR 400 จึงไม่แปลกใจที่รถรุ่นนี้จะมีคนนำมาตกแต่งอย่างมากมาย เช่นเดียวกับคันที่ทุกท่านกำลังรับชมซึ่งเป็นอีกหนึ่งศิลปะบนท้องถนนที่ใครเห็นแล้วก็อดใจไม่ได้ต้องเข้ามาสัมผัส กับกรรมวิธีไม่ยุ่งยากหรือเยอะจนรถตา แต่สิ่งที่ออกมาลงตัวและใช้งานได้ดีเข้ากับยุคสมัยแล้วแบบนี้ใครจะว่า SR นั้นซ่าส์ไม่เป็น

ขอขอบคุณภาพจาก www.bikeexif.com

12345678

Yamaha ส่งท้ายเกม Moto Challenge Season 3 นำนักแข่งอาชีวะสัมผัสสนามแข่งระดับโลก

$
0
0

Yamaha ส่งท้ายเกม Moto Challenge Season 3 นำนักแข่งอาชีวะสัมผัสสนามแข่งระดับโลก

Yamaha-MotoChallenge

นายสมเกียรติ พูลขวัญ (คนที่ 3 จากซ้าย) รองผู้จัดการใหญ่ ด้านบริหาร และนายธีระพงษ์ โอภาสกรกุล (คนที่ 3 จากขวา) ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายกีฬายานยนต์ และสถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า พร้อมผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมถ่ายภาพกับ รองศาสตราจารย์ ดร.จอมพงศ์ มงคลวนิช (คนกลาง) นายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยี และอาชีวศึกษา เอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยนักแข่งซึ่งเป็นนักศึกษาจากสถาบันอาชีวะศึกษาต่างๆ ที่ได้เข้าร่วมโครงการ “Yamaha Moto Challenge 2017 Season 3″

สำหรับโครงการนี้ยามาฮ่าได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางในการมุ่งสู่วิชาชีพทางด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ต และในปีนี้มีทีมจากสถาบันอาชีวศึกษาเอกชนให้การตอบรับ และได้เข้าร่วมทำการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 30 สถาบัน และสำหรับการแข่งขันในรายการ Yamaha Moto Challenge 2017 Season 3 สนามที่ 4 นี้ จัดขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อเร็วๆ นี้


BMW K100 Custom “กลับมาทวงบัลลังก์ความเท่”

$
0
0

BMW K100 Custom “กลับมาทวงบัลลังก์ความเท่”
BMW K100 Custom
BMW K100 Custom

ไฟหน้า : เป็นแบบ LED จาก Rigid Industries บรรจุอยู่ในโคมทรงกลม MOTODEMIC

แฮนด์ : แฮนด์จับช็อค ทีปลายแฮนด์มีไฟเลี้ยวติดอยู่ และสวิทช์จาก MOTOGADGET ตามด้วยเบรคมือ/คลัชท์ RIZOMA พร้อมสายถัก GALFER ทางด้านสวิทช์ทางแฮนด์ฝั่งขวายกของ DUCATI 999 ส่วนฝั่งซ้ายหยิบยืมของ KAWASAKI Ninja มาใช้

เรือนไมล์ : ถ้วยกลมพื้นขาว

ถังน้ำมัน : สร้างขึ้นใหม่เป็นแบบอะลูมิเนียม ปรับรูปทรงให้มีความโค้งเว้าให้เหมาะกับผู้ขับขี่พร้อมติดโลโก้ประจำค่ายที่ด้านข้าง

บังโคลนหน้า : เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ของ DUCATI Monster 1200 R เพิ่มความเร้าใจยิ่งขึ้น

เบาะนั่ง : สั่งตีใหม่เป็นแบบเดี่ยวทรงย้อนยุคหุ้มด้วยหนังสีดำเย็บลายเรียบง่ายให้กระชับทุกเส้นทาง

พักเท้าเกียร์โยง : BSK SPEEDWORKS ติดตั้งเสริมท่วงท่าในการขับขี่

ไฟท้าย : เป็น LED ของ COGNITO MOTO

บั้นท้าย : หั่นของเดิมออกและสร้างขึ้นใหม่แบบตัดตรงสั้นตามสไตล์ตัวแรงในอดีต ก่อนจะออกแบบฝาครอบบั้นท้ายใหม่โดยสร้างขึ้นจากอะลูมิเนียมผลงานของ Cliff Meyer

ท่อไอเสีย : 4-1 จาก LOSSA เคลือบเซรามิคโค้ท

ระบบกันสะเทือน
– ช็อคอับหน้าเปลี่ยนมาเป็นแบบ USD ของ SUZUKI GSX-R 1000 ประกบกับแผงคอ COGNITO MOTO
– ช็อคอับหลังเปลี่ยนมาเป็นของ FOX ที่การันตีความหนึบแน่นทุกความเร็ว

วงล้อ/ยาง/เบรค
– ด้านหน้ายกมาจาก TRIUMPH Sprint ST พร้อมด้วยจานเบรค TRIUMPH Speed Triple ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์ BREMBO และรัดด้วยยางของ PIRELLI Diablo Angel GT
– ด้านหลังเป็นของ BMW K 1200 RS ซึ่งเหมาะกับสไตล์แขนเดี่ยวตามแบบฉบับ BMW และรัดด้วยยางของ PIRELLI Diablo Angel GT

หนึ่งในรถแรงที่เหมาะแก่การเดินทางในยุค 80 อีกทั้งเป็นรถที่ได้รับความไว้วางใจในการนำขบวนผู้นำคนสำคัญต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งในวันนี้อายุอานามของรถคันนี้ก็เริ่มมากขึ้นทุกทีและมีทายาทตามมาอย่างมากมาย K 100 จึงค่อยๆ เลือนหายไปจากท้องถนน แต่แล้วในที่สุดก็มีคนเล็งเห็นความหล่อที่สามารถขัดเกลาให้กลับมาโชว์ตัวได้อีกครั้ง โดยการมาครั้งนี้มีความเก๋าในแบบที่เราเรียกกันว่า Cafe’ Racer

ขอขอบคุณภาพประกอบ www.bikeexif.com

1345910711862

รีวิว GPX Legend Gentleman คาเฟ่ไทย สายหล่อ อัดแน่นด้วยสเป็ก

$
0
0

รีวิว GPX Legend Gentleman คาเฟ่ไทย สายหล่อ อัดแน่นด้วยสเป็ก

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_23

ในปัจจุบันนี้ มีกลุ่มผู้ขี่รถในหลากหลายสไตล์มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในกลุ่มของคอคลาสสิคนั้น ก็ได้มีการเติบโตขึ้นไม่น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มของ Cafe Racer นั้นก็มีผู้ชื่นชอบและหันมาเล่นรถแนวนี้ เพื่อคัสตอมเพื่อขี่หล่อๆ กันเป็นจำนวนมากขึ้น

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_21

ซึ่งทาง GPX แบรนด์รถสัญชาติไทย ได้รุกจับกลุ่มตลาดนี้ ด้วยการเปิดตัวรถ GPX Legend Gentleman ไปเมื่อปลายปี 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่า เป็นรถโมเดิร์นคาเฟ่ของคนไทย คันนี้มากับออปชั่นครบครัน แต่ราคาค่าตัวเพียงแค่หลักหมื่น เท่านั้น วันนี้ทางทีมงาน 9carthai เราได้มีโอกาสมารีวิว GPX Legend Gentleman เจ้าสุภาพบุรุษไทยระดับตำนานคันนี้ จะเป็นเช่นไร มารับชมกันได้เลยครับ

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_04

เริ่มกันที่รูปลักษณ์ดีไซน์คาเฟ่สปอร์ตร่วมสมัย Legend Gentleman ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชาวอิตาลี แม้ชื่อจะดูเก๋าระดับตำนาน แต่งานดีไซน์ผสมผสานระหว่างความคลาสสิคและความทันสมัย ดูดีลงตัว

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_15

ไฟหน้าทรงกลมมาพร้อมไฟ Day Time Running Light LED

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_36

ไฟเบรค และไฟเลี้ยวทั้งหน้า-หลัง เป็น LED เช่นกัน

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_52

ตัวถังน้ำมันมีการใส่รายละเอียด ตะเข็บหนังพาดกลางตัวถัง

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_37

ครอบท้ายตูดมดสไตล์สปอร์ตคาเฟ่ สามารถถอดออกได้ง่าย แค่ใช้ประแจหกเหลี่ยมขันน็อตออกเพียง 2 ตัว

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_38

จะพบเบาะตอนท้ายให้ผู้โดยสารซ้อนได้

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_54

ตัวเบาะนั่งลายเคฟล่า ดูสปอร์ต แต่นั่งได้อย่างสบาย

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_14

เลข 10 ที่ตูดมด นั้นเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัท GPX

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_44

นอกจากนี้ ยังมีชุดแฟริ่งอีกชิ้นติดตั้งมาให้นั่น ก็คือ อกล่าง

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Muffer

ท่อไอเสียออกข้าง สแตนเลสทั้งเส้น ดูสวยงาม ให้ซุ่มเสียงที่แน่นดูมีพละกำลัง แต่ไม่ดังเกินไป

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_33

ตัวคันเกียร์ให้มาเป็นแบบเกียร์โยง เอาใจขาซิ่ง

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_31

ล้อซี่ลวดขอบ 17” สวมยาง Pirelli Angel City ขนาดยางกว้างด้านหน้า 110 มม. และด้านหลัง 140 มม.

2017-GPX-4-Models_90

มาตรวัดถ้วยกลม Full Digital มีลูกเล่นที่การเปลี่ยนสีได้มากถึง 7 สี
บอกความเร็ว บอกรอบเครื่อง เกจ์น้ำมัน และยังบอกประจุแบตเตอรี่ได้อีกด้วย

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Switch

สวิทช์ไฟซ้าย ปุ่มสวิทช์ไฟเลี้ยวเป็นแบบเลื่อน ไม่ใช่แบบ Auto Return ซึ่งมีข้อดี คือ แค่ใช้นิ้วโป้งสัมผัสก็รู้ได้ทันทีว่าเปิดไฟเลี้ยวค้างอยู่หรือไม่
สวิทช์ไฟขวา ไม่มีสวิทช์ Run-Off แต่ให้สวิทช์ไฟฉุกเฉินมาแทน ดังนั้นต้องดับเครื่องด้วยกุญแจเท่านั้น

สำหรับอีกจุดหนึ่งที่ อยากจะบอกว่าค่อนข้างประทับใจ ก็คือ ตัวปลอกมือที่เป็นยาง มีสัมผัสที่นุ่ม ไม่บาดมือ เหมือนปลอกมือคันอื่นๆ

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_35

ถังน้ำมันมีความจุรวม 13 ลิตร แยกเป็นถังหลัก 11.5 ลิตร และถังสำรอง 1.5 ลิตร มีปุ่มบิดอยู่ทางด้านใต้ฝั่งซ้ายของตัวถัง

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_10

สำหรับมิติ Legend Gentleman มีน้ำหนัก 160 กก. มีระยะฐานล้อ 1,400 มม.

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_24

ซึ่งถือได้ว่ามีขนาดตัวใกล้เคียงรถสปอร์ตระดับ 250-300cc แต่จะมีน้ำหนักเบากว่าเล็กน้อย

Review-GPX-Legend-Gentleman_200-Ride-Position_2

ความสูงเบาะที่ 730 มม. ไม่สูงเกินไป ทำให้ผู้ขี่ส่วนใหญ่นั่งเหยียบได้เต็มเท้า (ในรูปผู้เขียนสูง 174 ซม.)

Review-GPX-Legend-Gentleman_200-Ride-Position_1

ด้านท่านั่ง และการขี่ใช้งานจริงในเมือง พบว่า ด้วยองศาแฮน์บาร์ที่เตี้ย และกางยาว หากไปที่รถติด ก็อาจต้องเมื่อยกันนิด

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_29

ด้วยท่านั่งที่ต้องก้มหลังโน้มตัวไปพอสมควร จึงอาจทำให้การเลี้ยวลัดเลาะการจราจรไม่คล่องตัวมาก

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_27

แต่ตำแหน่งแฮนด์ที่เตี้ย ก็สามารถผ่านระดับกระจกรถยนต์ทั่วไปได้ไม่ยากเย็น ซึ่งก็ต้องระวังกระจกมองข้างอยู่เล็กน้อย

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Engine_1

ขุมพลังครื่องยนต์ ขนาด 197cc จ่ายน้ำมันด้วยคาบูเรเตอร์ ระบายความร้อนด้วยอากาศ

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Engine_4

แต่ติดตั้ง Oil Cooler ช่วยระบายความร้อนตัวน้ำมันเครื่อง มันถูกใช้ใน Legend 200 มาแล้ว จึงการันตีสมรรถนะใน Legend Gentleman คันนี้ได้เป็นอย่างดี

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Engine_3

สำหรับขุมพลังบล็อกนี้ แรงในแบบที่ตอบโจทย์การเดินทางของคอคาเฟ่เรเซอร์ได้ทุกรูปแบบ การขี่ในเมืองอาจพบว่าคลัทช์ดูหนักไปนิด เมื่อต้องบีบกำคลัทช์บ่อยในเมืองที่จราจรติดขัด

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Engine_6

ด้านพละกำลังนั้นมีให้ใช้เหลือเฟือ สำหรับการเร่งแซง เมื่อเปิดคันเร่งหนักลากรอบเครื่อง พบแรงดึงพอประมาณ อาจสั่นบ้างเล็กน้อยตามสไตล์รถสูบเดี่ยว แต่ไม่ถือเป็นปัญหาแต่อย่างใด

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Engine_5

ขณะขี่เดินทางไกลถือว่ากำลังเพียงพอ ไม่ต้องเค้นลากรอบให้เหนื่อย เดินทางไกลไปได้ไม่ลำบาก

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_17

อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย ทำได้เกือบๆ 30 กม./ลิตร
ขณะที่ Top Speed ทาง GPX เคลมว่า วิ่งได้เร็วกว่า 137 กม./ชม.

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_32

ระบบกันสะเทือน โช้กหน้าแบบ Up Side Down

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_56

โช้กหลังเดี่ยวแบบ Uni-Trak จาก YSS

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Brake_3

การใช้โช้คหน้าแบบ UpSideDown ไม่ใช่แค่หล่อขึ้นแต่มันเพิ่มความเสถียรภาพของตัวรถด้วย
โช้ก UpSideDown ใน Legend Gentleman นี้ ติดแข็งไปหน่อย แต่ก็เฟิร์มมั่นคง ตามแบบฉบับสปอร์ตคาเฟ่

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_09

ขณะที่โช้กหลังเดี่ยว YSS สามารถขันปรับ Preload ได้ 6 ระดับ นอกจากนี้ยังมีกระเดื่องหลัง มาช่วยซับแรงอีกด้วย ช่วงล่างหลังจึงทั้งหนึบ แต่ก็ซับแรงสะเทือนได้ดี

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Brake_2

ระบบดิสก์เบรกทั้งหน้าและหลัง
ด้านหน้า Twin Disc ปั๊มเบรก Radial Mount จัดเต็มไม่น้อยหน้ารถสปอร์ตระดับ Mid Sized

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_28

การใช้งาน แม้น้ำหนักของก้านจะดูแข็งไปนิด แต่เบรกตอบสนองได้อย่างเหมาะสม สามารถหยุดกำลังเครื่องของ Gentleman คันนี้ได้สบายๆ เรียกได้ว่าสอดคล้องบาลานซ์กันกับ ช่วงล่างด้านหน้า

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_18

สรุป GPX Legend Gentleman ถือเป็นรถคาเฟ่ร่วมสมัยสัญชาติไทยที่ดูดี, เพียบพร้อมทั้งในด้านออปชั่น และขุมพลังเครื่องยนต์ที่เพียงพอสำหรับใช้งานในทุกวัน

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_05

ที่สำคัญทุกคนสามารถจับต้องเป็นเจ้าของได้ในค่าตัวแค่หลักหมื่น
ดังนั้นไม่ว่าคุณจะซื้อไปเพื่อคัสตอม หรือจะใช้งาน ทั้งขี่หล่อออกทริป หรือในชีวิตประจำวันก็ทำได้

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_20

สำหรับผู้ที่สนใจ GPX Legend Gentleman โมเดิร์นคาเฟ่ สุดหล่อ ในสไตล์สุภาพบุรุษไทย คันนี้ มีราคาที่ 69,800 บาท คุณสามารถแวะเข้าไปชมตัวจริงได้ที่ศูนย์ GPX ทั่วประเทศ

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_11

ขอขอบคุณ บริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับรถทดสอบ GPX Legend Gentleman ราคา 69,800 บาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver, Photos

Review-GPX-Legend-Gentleman_200_04 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_05 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_06 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_07 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_08 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_09 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_10 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_11 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_12 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_13 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_14 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_15 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_17 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_18 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_19 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_20 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_21 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_22 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_23 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_24 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_31 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_32 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_33 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_35 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_36 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_37 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_38 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_40 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_44 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_50 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_52 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_54 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_56 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Brake_1 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Brake_2 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Brake_3 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Engine_1 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Engine_2 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Engine_3 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Engine_4 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Engine_5 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Engine_6 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Muffer Review-GPX-Legend-Gentleman_200_Switch Review-GPX-Legend-Gentleman_200-Ride-Position_1 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_59 Review-GPX-Legend-Gentleman_200-Ride-Position_2 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_28 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_26 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_29 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_27 Review-GPX-Legend-Gentleman_200_30

ฟิล์ม นำทัพนักบิด Honda บินลัดฟ้าลุยศึกสองล้อ “เอเชีย โรด เรซซิ่ง”ที่อินเดีย ตั้งเป้าลุ้นเก็บแต้ม

$
0
0

ฟิล์ม นำทัพนักบิด Honda บินลัดฟ้าลุยศึกสองล้อ “เอเชีย โรด เรซซิ่ง” ที่อินเดีย ตั้งเป้าลุ้นเก็บแต้ม

ARRC-PR

ทัพนักบิด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ นำโดย “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์, “มุกข์” มุกข์ลดา สาระพืช, “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล และ “ดรีม” สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง ยกพลเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อกลางดึกเมื่อวานนี้มุ่งหน้าสู่ประเทศอินเดีย เพื่อลุยศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2017 สนาม 5 ขณะ “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ผู้ช่วยหัวหน้าผู้ฝึกสอนเผยปรับปรุงทีมหลายจุด ตั้งเป้าเกาะกลุ่มลุ้นแถวหน้าได้

ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2017 สนาม 5 มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 22-24 กันยายนนี้ ที่ สนาม มาดราส มอเตอร์ เรซ แทร็ก ประเทศอินเดีย โดยนับเป็นสนามแข่งรถเก่าแก่ในประเทศอินเดีย

โดยล่าสุดเมื่อคืนวันพุธที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ทัพนักบิดไทยจากทีม เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ พร้อมทีมงานกว่า 10 ชีวิต ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าสู่ประเทศอินเดีย เพื่อเข้าร่วมแข่งขัน เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ สนาม 5 หลังเว้นช่วงการแข่งขันเป็นเวลากว่า 1 เดือน

สำหรับความพร้อมล่าสุดของทัพนักบิด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ล่าสุดถือว่ากลับมามีสมบูรณ์อีกครั้งโดยในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. นำโดย “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ก็ฟื้นกลับมาจากอาการบาดเจ็บได้เกือบเต็มร้อยแล้ว โดยเรซนี้จะมีการปรับทัพให้ “ดรีม” สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง ที่เพิ่งหายจากอาการไหปลาร้าหักลงบิดแทน “ทัตซูยะ ยามากูชิ” นักบิดญี่ปุ่นที่ติดการแข่งขันรายการ ออลเจแปน

ส่วน “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล นักบิดหนุ่มไฟแรงที่ไหปลาร้าหักจากสนามที่แล้ว ก็กลับมาฟิตสมบูรณ์พร้อมลงแข่งขันอีกครั้งในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ขณะที่ “มุกข์” มุกข์ลดา สาระพืช นักบิดสาวแกร่งของทีมก็พร้อมเต็มที่สำหรับการแข่งขันที่ อินเดีย

“ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ผู้ช่วยหัวหน้าผู้ฝึกสอนเปิดเผยว่า “ในปีนี้เราปรับทัพกันใหม่ทั้งหมด หลายๆ อย่าง อาจยังไม่ลงตัวทั้งสภาพร่างกายของนักแข่งรวมถึงโครงสร้างทีม ซึ่งตอนนี้ผมและทีมกำลังเร่งปรับปรุงแก้ไขเพื่อเดินหน้าการทำงานให้สูงขึ้น”

“ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ปีนี้เรามีการเปลี่ยนรถแข่งช่วงครึ่งฤดูกาล ทำให้โอกาสในการลุ้นแชมป์เป็นไปด้วยความลำบาก มีอุปกรณ์และอะไหล่บางตัวที่เราต้องอัพเกรด และตอนนี้ได้มีการทดลองเซ็ตอัพในแบบต่างๆ ขณะที่นักแข่งเองก็ไม่มีโอกาสได้ซ้อมรถคันใหม่เลย แต่หลังจากการซ้อมร่วมกับทีมในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทุกอย่างเริ่มลงตัวมากขึ้น เป้าหมายของเราคือการเกาะอยู่ในกลุ่มแถวหน้าให้ได้ โดยเฉพาะในการซ้อมและควอลิฟาย”

“สำหรับการแข่งขันสนาม 5 ที่อินเดีย ถือเป็นสนามที่นักแข่งของเรายังไม่มีโอกาสได้ลงแข่งขันเลย มาดราม มอเตอร์ เรซ แทร็ก ถือเป็นอีกหนึ่งสนามเก่าแก่ของเอเชีย แต่เราไม่มีข้อมูลเก่าทำให้แผนในสนามนี้ต้องเริ่มทำงานหนักตั้งแต่การซ้อมครั้งแรก เชื่อว่าจากสภาพร่างกายของนักบิดทุกคนที่ฟื้นตัวขึ้นมา รวมถึงการฝึกซ้อมที่ต่อเนื่อง และการอัพเกรดรถแข่งในบางจุดจะทำให้เรากลับมามีลุ้นและต่อสู้กับกลุ่มหน้าได้ครับ”

ทั้งนี้ มาดราส มอเตอร์ เรซ แทร็ก ประเทศอินเดีย นับเป็นสนามที่มีคาแร็กเตอร์แบบลาสสิค ระยะทางต่อรอบ 3.717 กิโลเมตร มี 12 โค้ง ตั้งอยู่ในเมืองเชนไน ประเทศอินเดีย โดยจะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมทั้ง 3 ครั้งในวันศุกร์ที่ 22 ก.ย.นี ก่อนจะควอลิฟายและแข่งขันเรซแรกในวันเสาร์ที่ 23 ก.ย.นี้ และดวลความเร็วเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ย.นี้

แฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารและร่วมส่งแรงใจเชียร์ทีมแข่งสัญชาติไทย “เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ได้ทางเว็บไซต์ www.aphondaracingthailand.com

รีวิว BMW G310R ครั้งแรกของมอเตอร์ไซค์ในระดับ 300cc จากค่ายฟ้าขาว

$
0
0

รีวิว BMW G310R ครั้งแรกของมอเตอร์ไซค์ในระดับ 300cc จากค่ายฟ้าขาว

Review-BMW-G310R_08

เปิดตัวกันตั้งแต่ปลายปี 2015 สำหรับ BMW G310R ซึ่งคนไทยได้เห็นกันตัวเป็นๆในช่วงนั้น แต่ก็รอกันสักพักจนทาง BMW Motorrad Thailand ได้เปิดตัวอย่างจริงจังพร้อมทำตลาดในช่วงปลายปี 2016 จนกระทั่งในที่สุดก็ได้เวลาส่งมอบกันเสียทีกับ BMW G310R รถ Naked Street Bike ค่ายฟ้าขาวจากแดนบาวาเรีย ซึ่งเป็นรถคันแรกที่ค่ายผลิตรถในพิกัดต่ำกว่า 500cc และเป็นรถที่ได้รับความสนใจกันมากที่สุดคันหนึ่ง ณ ขณะนี้

Review-BMW-G310R_40

และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาจนเกินไปทาง 9carthai จึงขอรีบจัดทำรีวิว BMW G310R สีขาว Metallic คันนี้ ซึ่งเป็นสีไฮไลท์มาทดสอบให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันแบบลึกก่อนใคร มารับชมกันได้เลยครับ

Review-BMW-G310R_07

รูปลักษณ์ภายนอก

ในส่วนของหน้าตานั้น ด้วยความที่ทาง BMW ต้องการตีตลาดสปอร์ตเน็คเก็ทพิกัด 300cc ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ดังนั้นเส้นสายต่างๆของตัวรถจึงมีความโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว มากกว่ารถ Naked Bike ของค่ายอย่าง BMW Motorrad

จุดเด่นที่เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของเจ้านี่เลยก็คือ

Review-BMW-G310R_24

ชุดโคมไฟหน้าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ทรงสามเหลี่ยมหัวใจ,

Review-BMW-G310R_21

ชุดไฟท้าย LED โคมใส BMW เลือกติดตั้งในรูปแบบเดียวกับพี่ใหญ่ S1000XR ที่บังโคลนกันดีด

Review-BMW-G310R_14

ครอบถังขนาดใหญ่ มีโลโก้ BMW บ่งบอกความพรีเมียม รับกันกับแฟริ่งข้างทรงแหลมคมมีตัว “R” เพื่อบ่งบอกตระกูล Naked Sport และถ้าขยับไปด้านหลังอีกนิดก็จะเห็นชุดโครงถักสีดำขนาดใหญ่ ดูแข็งแรงทนทาน

Review-BMW-G310R_27

เบาะนั่งตอนเดียวขนาดใหญ่ ถูกแบ่งระดับไว้อย่างชัดเจน ปิดคลุมซับเฟรมด้านข้างด้วยแฟริ่งท้ายชิ้นเล็กและที่จับสำหรับผู้ซ้อนดีไซน์สวยงาม

Review-BMW-G310R_11

ท่อไอเสียออกข้างขวาทรงรียาวในแบบรถสปอร์ตคลาสนี้ ผ่านไอเสีย Euro4 สบายๆ (รุ่น F800R ออกข้างซ้าย),

Review-BMW-G310R_25

ล้อแม็ก 5 ก้าน ลายกังหันที่ดูโดดเด่นไม่เบา

Review-BMW-G310R_1

ชุดระบบกันสะเทือนหน้า UpSideDown กระบอกสีทอง มอบความสปอร์ตอย่างมีระดับ

Review-BMW-G310R_19

จอแดชบอร์ดก็เป็นแบบ “Full-Digital” มีเพียงสัญลักษณ์บางอย่างถูกแยกไว้ด้านข้างหน้าจอเช่น ไฟสูง ,ไฟเลี้ยว, น้ำมันหมด, เกียร์ว่าง, ระบบ ABS, ไฟผ่าหมาก, และแบตเตอรี่ ส่วนหน้าจอก็แสดงมาตรวัดต่างๆไว้ค่อนข้างครบครัน ตั้งแต่ระดับน้ำมันทางด้านซ้าย, รอบเครื่องยนต์ (อยู่ทางด้านล่างกวาดเป็นแนวนอน), เลขบอกตำแหน่งเกียร์ทางด้านขวา, นาฬิกา, และตัวเลขความเร็วขนาดใหญ่ตรงกลาง

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับโหมดการแสดงผลให้โชว์รายละเอียดอื่นๆ ได้ ทั้ง Odo, Trip 1-2, ความเร็วเฉลี่ย, อัตราสิ้นเปลือง, ระยะทางคงเหลือที่วิ่งได้ เป็นต้น

Review-BMW-G310R_29

ทางสวิทช์ฝั่งซ้าย-ขวา ไม่มีอะไรมากมาย นอกจากไฟ Pass ทางฝั่งซ้าย

Review-BMW-G310R_04

ในส่วนของการเก็บงานของรูปลักษณ์ แม้ว่าโดยพื้นฐานแล้วตัวรถจะถูกผลิตและประกอบขึ้นที่อินเดียก็จริง แต่ด้วยการควบคุมคุณภาพการผลิตของ BMW ทำให้การเก็บงานสี รวมไปถึงชิ้นส่วนแฟริ่งต่างๆ รวมถึงตัวเฟรมรอบคันดูเรียบร้อยสมมาตรฐานแบรนด์เยอรมันนี

Review-BMW-G310R_06

มิติตัวรถ
กว้าง x ยาว x สูง (มม.) : 820 x 2,005 x 1,080 (รวมกระจกมองหลัง)
ระยะฐานล้อ : 1374 มม.
ความสูงเบาะ : 785 มม.
น้ำหนักตัวรถรวมของเหลว : 158.5 กก.
ถังน้ำมันจุ 11 ลิตร โดยมีถังน้ำมันสำรองประมาณ 1 ลิตร

Review-BMW-G310R_18

ในด้านของท่านั่ง

Review-BMW-G310R_43

ผู้เขียนที่มีส่วนสูงระดับ 174 ซม. เหยียบได้เต็มขา หย่อนสบายๆ
ท่านั่งโดยรวมมีความเป็นสปอร์ต ตำแหน่งองศาแฮนด์ต่ำ กางยาวทำให้ไม่งุ้มเข้าหาตัวเกินไป ขี่หย่อนมือสบายๆ ไม่ต้องงอศอกให้เมื่อย

Review-BMW-G310R_32

ช่วงมุมเว้าถังน้ำมัน เหน็บขาได้สบายๆ ไม่รู้สึกอึดอัดต้นขา
ตำแหน่งวางเท้าร่นมาด้านหลังนิดในสไตล์ Naked Sport ขี่ได้ท่ากำลังสวย และไม่เมื่อยขาแบบรถสปอร์ตแท้ๆ

Review-BMW-G310R_33

เบาะนั่งรูปทรงแบน นั่งสบายทั้งผู้ขี่และผู้ซ้อน แม้จะเดินทางไกลก็ไม่เมื่อยปวดขานัก

Review-BMW-G310R_34

การใช้งานจริงในเมือง
ด้วยมิติรถที่ใกล้เคียงกับเพื่อนๆ คลาส 300cc ก็ถือได้ว่ายังให้ความคล่องตัวในแบบรถ Naked Class 300 คันอื่นๆ แถมมีน้ำหนักตัวเบากว่าในคลาสอยู่ด้วยหลายคัน ทำให้การพลิกรถขี่มุดช่องว่างการจราจรขณะที่รถเคลื่อนที่นั้นทำได้คล่องพริ้วทีเดียว แต่เมื่อต้องพบกับการจราจรติดขัดหนักๆ แบบจอดติดไฟแดงนั้น ด้วยแฮนด์ที่ทรงต่ำกางยาว จึงทำให้การมุดช่องกระจกรถยนต์ และเลี้ยววงแคบอาจจะลำบากสักนิด แต่ก็แลกกลับมาด้วยการควบคุมที่ดีกว่าในการขี่แบบสปอร์ต หรือเข้าโค้งกว้างๆด้วยความเร็ว

Review-BMW-G310R_13

เครื่องยนต์ แบบสูบเดียว 313cc 4 วาล์ว DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ อ่างเก็บน้ำมันเครื่องแบบแยก พละกำลังสูงสุด 34 แรงม้าที่ 9,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 28 นิวตันเมตรที่ 7,500 รอบ/นาที เรดไลน์สูงสุด 10,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านชุดคลัทช์เปียกหลายแผ่น และเกียร์ 6 สปีด

Review-BMW-G310R_23

ติดเครื่องยนต์สตาร์ท ซุ่มเสียง 1 สูบ น่าฟัง เสียงไม่ดูสั่นๆ น่ารำคาญ
เอกลักษณ์ของ G310R คือ การวางตำแหน่งคอสูบเดี่ยวออกด้านหลังในตำแหน่งโช้กหลัง

Review-BMW-G310R_28

การขี่ออกตัวนั้นคลัทช์อาจจะดูต่ำไปหน่อย ต้องเดินคันเร่งไว้นิดๆ กระแทกคันเร่งออกตัวที่เกียร์ 1 รอบมาค่อนข้างไว จี๊ดจ๊าดจัดจ้านทีเดียว

Review-BMW-G310R_36

แม้รอบเครื่องย่านสูงๆ จะไม่แรงเท่าเครื่อง 2 สูบ แต่ที่รอบเครื่องต่ำขี่รีดทอร์คเน้นอัตราเร่งในเมืองถือได้ว่ามีให้ใช้แบบเพียงพอ
ด้าน Top Speed ที่เคลม 145 กม./ชม. จากการทดสอบจริงสามารถวิ่งทะลุได้ถึง 160 กม./ชม. ซึ่งทางทีมงานมองว่ายังไหลต่อได้อีกเล็กน้อยถ้าถนนยังมีให้พอวิ่งมากกว่านี้

Review-BMW-G310R_03

นอกจากนี้จุดที่ดูประทับใจ ก็คือ อาการสั่นสไตล์รถ 1 สูบ ใน G310R นี้ถือว่าต่ำมาก ถ้าไม่ได้สนใจในจังหวะขี่นี่แทบจะลืมไปได้เลย ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเด่นของเครื่องยนต์ G310R คันนี้เลยทีเดียว
รวมไปถึงน้ำหนัก Engine Brake ที่ไม่หนักจนเกินไป สามารถ Shift รวบเกียร์ลงก่อนเข้าโค้งได้แบบหนักๆ โดยไม่สูญเสียอาการควบคุมที่ล้อหลัง

Review-BMW-G310R_26

ระบบกันสะเทือนหน้า แบบหัวกลับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางแกน 41 มม. ระยะยุบ 140 มม.

Review-BMW-G310R_22

ระบบกันสะเทือนหลัง โช้กเดี่ยว ปรับพรีโหลดได้ ระยะยุบ 131 มม. ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป

Review-BMW-G310R_01

ในด้านของระบบกันสะเทือนนั้นถือได้ว่า ทำได้ดีลงตัว โช้กหน้า USD ดูดีสมราคากว่ารถในคลาส 650cc หลายคัน
เจอเนินเจอทางขรุขระ ไม่ต้องมากระเด้งข้อแขนให้ปวดข้อมือ พร้อมการควบคุมที่ทำได้มั่นใจ

Review-BMW-G310R_05

ขณะที่โช้กหลังเดี่ยวทำมุมประมาณ 60 องศา ที่เซ็ทออกมากึ่งทัวริ่ง เน้นนั่งสบาย นั่งกับเบาะที่มีรูปทรงแบนราบแล้ว ถือได้ว่านั่งได้ไม่อึดอัด ไม่แข็งกระเด้งจนปวดก้น เดินทางไกลก็นั่งสบายทั้งผู้ขี่ และผู้ซ้อน

Review-BMW-G310R_02

โดยรวมแล้ว ถือได้ว่าเซ็ทออกมาไม่ได้สปอร์ตจ๋า เหมาะแก่การใช้งานในแบบ Naked Street ได้เหมาะสม และพอเอาไปขี่แบบสปอร์ตได้ไม่น่าเกลียด

Review-BMW-G310R

นอกจากนี้ ยางหน้าไซส์ 110/70 R17 และยางหลังขนาดใหญ่ถึงไซส์ 150/60 R17 จาก Michelin Pilot Street Radial ถือได้ว่าให้การยึดเกาะที่ทำได้หนึบแน่นดีพอสมควรกับการใช้งานรูปแบบถนน

ระบบเบรก ABS หน้า-หลังจาก Bybre

Review-BMW-G310R_10

ด้านหน้าจานเดี่ยวขนาด 300 มม. คาลิปเปอร์ 4 สูบ เรเดียลเมาท์

Review-BMW-G310R_12

ระบบเบรกหลังเดี่ยวขนาดจาน 240 มม. คาลิปเปอร์ลูกสูบเดียว
เบรกชุดนี้เป็นแบบเดียวกับที่พบในรถยุโรปในคลาสเดียวกันจากค่ายออสเตรีย แต่มีขนาดจานเบรกหลังใหญ่กว่า 10 มม.

Review-BMW-G310R_41

โดยรวม แม้ว่าฟีลลิ่งของระบบเบรกตัวนี้ จะให้ความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกันนัก ฟีลลิ่งการตอบสนองนั้นดูแข็งๆ ไม่ค่อยมีน้ำหนักนัก จะต้องกดเบรกลงลึก เพื่อการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพ

Review-BMW-G310R_35

อย่างไรก็ดีการชะลอความเร็วสูงๆ สามารถใช้การลดเกียร์ลงช่วยได้เลย เนื่องจาก Engine เบรกต่ำ ทำให้การควบคุมรถนั้นทำได้ง่ายดาย ไม่พบอาการล้อล็อกท้ายปัดให้เห็น แม้จะพยายามจงใจอยากให้มีออกอาการสไลด์บ้างก็ตาม

นอกจากนี้การตอบสนองของ ABS นั้นตอบสนองได้ค่อนข้างทันท่วงที หากคุณต้องเบรกกะทันหัน

Review-BMW-G310R_2

สรุป
BMW G310R ถือได้ว่าเป็นรถ Naked Roadster ที่หล่อและเนี้ยบที่สุดในคลาส 300cc เลยก็ว่าได้ ทั้งรูปลักษณ์ และคุณภาพงานประกอบที่ดูสมราคา ขี่ไปไหน จอดที่ไหนก็ต้องมีแต่คนหันมามอง และสะดุดตาที่โลโก้ฟ้าขาว

แม้เครื่องยนต์จะเป็นบล็อกสูบเดี่ยว แต่อัตราเร่งจี๊ดจ๊าดเอาเรื่อง ถึงจะเทียบ 2 สูบไม่ได้ แต่ก็น่าประทับใจที่สุดในคลาส 300cc สูบเดี่ยว ซึ่งเพียงพอกับการเป็นรถ Street Bike ใช้งานในเมืองได้เหลือเฟือ รวมไปถึงช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ไม่แข็งกระด้าง นั่งเดินทางสบาย ทั้งยังคงความหนึบขี่สนุกได้ฟีลลิ่งแบบสปอร์ต

Review-BMW-G310R_20

หากคุณมองหารถยุโรปสักคันนึงในราคาจับต้องได้ BMW G310R คันนี้ ถือว่าเป็นรถที่คุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุด ณ ขณะนี้เลยทีเดียว

Review-BMW-G310R_09

BMW G310R มีราคา 1.99 แสนบาท มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ น้ำเงิน, ขาว และ ดำ

Review-BMW-G310R_15

ขอขอบคุณ BMW Motorrad Thailand และ German Auto สำหรับรถทดสอบ
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver + Writer

Review-BMW-G310R_41 Review-BMW-G310R_40 Review-BMW-G310R (2) Review-BMW-G310R_39 Review-BMW-G310R_1 Review-BMW-G310R_2 Review-BMW-G310R_09 Review-BMW-G310R_08 Review-BMW-G310R_07 Review-BMW-G310R_06 Review-BMW-G310R_03 Review-BMW-G310R_04 Review-BMW-G310R_01 Review-BMW-G310R_02 Review-BMW-G310R_05 Review-BMW-G310R_31 Review-BMW-G310R_30 Review-BMW-G310R_24 Review-BMW-G310R_21 Review-BMW-G310R_14 Review-BMW-G310R_15 Review-BMW-G310R_20 Review-BMW-G310R_27 Review-BMW-G310R_17 Review-BMW-G310R_16 Review-BMW-G310R_19 Review-BMW-G310R Review-BMW-G310R_25 Review-BMW-G310R_10 Review-BMW-G310R_12 Review-BMW-G310R_26 Review-BMW-G310R_22 Review-BMW-G310R_28 Review-BMW-G310R_13 Review-BMW-G310R_23 Review-BMW-G310R_11 Review-BMW-G310R_29 Review-BMW-G310R_18 Review-BMW-G310R_32 Review-BMW-G310R_33 Review-BMW-G310R_43 Review-BMW-G310R_42 Review-BMW-G310R_34 Review-BMW-G310R_35 Review-BMW-G310R_36 Review-BMW-G310R_37 Review-BMW-G310R_38

“โฟลท”ระเบิดฟอร์มสุดเจ๋ง ขึ้นที่ 1 รอบซ้อม ศึกเอเชีย โรด เรซซิ่ง ที่อินเดีย

$
0
0

“โฟลท” ระเบิดฟอร์มสุดเจ๋ง ขึ้นที่ 1 รอบซ้อม ศึกเอเชีย โรด เรซซิ่ง ที่อินเดีย

float2_resize

นักบิดฝีมือดี “โฟลท-รัฐพงษ์ วิไลโรจน์” สังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ระเบิดฟอร์มเก่ง ควบตัวแรงฮอนด้า CBR600RR ทำผลงานรอบซ้อมเร็วสุดขึ้นอันดับที่ 1 ในศึกเอเชีย โรด เรซซิ่ง สนาม 5 ที่ประเทศอินเดีย

ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการเอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2017 สนามที่ 5 ของฤดูกาล จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2560 ณ สนามมาดราส มอเตอร์ เรซ แทร็ก ประเทศอินเดีย ระยะทางต่อรอบ 3.717 กิโลเมตร โดยวันนี้ (22 ก.ย.) เป็นรอบการซ้อมเพื่อเก็บข้อมูลการเซตรถแข่ง ก่อนลงตัดสินเรซแรกวันถัดไป

Float_resize

สำหรับรอบการทดสอบ ในรุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี สองนักบิดสังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้แก่ โฟลท-รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ หมายเลข 59 สามารถขึ้นนำจ่าฝูงในรอบการซ้อมครั้งที่สอง ด้วยเวลาเร็วสุด 1 นาที 42.751 วินาที ทางด้าน ดรีม-สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง หมายเลข 45 ที่เข้ามาเป็นทีมเมทเฉพาะกิจ ทำเวลาเร็วสุด 1 นาที 46.354 วินาที อยู่ในอันดับที่ 14

ขณะที่รุ่นเอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ในรอบการซ้อมเดียวกัน นักบิดสาวหล่อ มุกข์-มุกข์ลดา สารพืช หมายเลข 44 ทำเวลาเฉลี่ยเร็วสุด 1 นาที 51.024 วินาที อยู่ในอันดับที่ 3 ส่วนคู่หู เอ้-วรพงศ์ มาลาหวล หมายเลข 46 ทำเวลาเฉลี่ยเร็วสุด 1 นาที 52.096 วินาที อยู่ในอันดับที่ 510

การแข่งขันสองล้อชิงแชมป์เอเชีย ARRC2017 สนาม 5 จะทำการชิงชัยเรซแรก วันพรุ่งนี้ (23 ก.ย.) ตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป ตามเวลาในบ้านเรา

แฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารและร่วมส่งแรงใจเชียร์ทีมแข่งสัญชาติไทย “เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ได้ทางเว็บไซต์ www.aphondaracingthailand.com

Viewing all 1453 articles
Browse latest View live