DUCATI SCRAMBLER CUSTOM “เมื่อคิดจะแต่งต้องฉีกให้แตกต่าง”

DUCATI SCRAMBLER CUSTOM

สำนักแต่ง : Fuel Bespoke Motorcycles

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 2 ลูกสูบ

ระบบระบายความร้อน : อากาศ/ด้วยออยคูลเลอร์

ระบบเกียร์ : เกียร์ธรรมดา 6 สปีด

ระบบขับเคลื่อน :โซ่/สเตอร์

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : ด้วยระบบหัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์

หน้ากาก/ฝาครอบข้าง/ท้าย : ถอดแบบจาก Ducati 900 SS Replica

ถังน้ำมัน : ใช้ของ BENELLI MOJAVE

เบาะ : ทำขึ้นใหม่เพื่อให้รับกับสไตล์ของรถ

ช็อคอับหน้า : อัพไซด์ดาวน์ ของ DUCATI MONSTER

แฮนด์ : แฮนด์จับช็อค

มาตรวัด : ใช้ของ RIZOMA

มือเบรค/มือคลัช/กระจกปลายแฮนด์ : เป็นรูปทรงกลม

ไฟเลี้ยว : เป็นแบบ LED

บังโคลนหน้า : ทำขึ้นใหม่จากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์

พักเท้า : เป็นของ DUCATI MONSTER

สีตัวรถ : ดำคาดด้วยสีทอง พร้อมโลโก้จากสำนักแต่ง Fuel Bespoke Motorcycles

สวิงอาร์ม : ใช้ของ DUCATI MONSTER

ยาง : PIRELLI SCORPION TRAIL II

“เมื่อคิดจะแต่งต้องฉีกให้แตกต่าง” คำนี้น่าจะเหมาะกับสิ่งที่ทุกท่านชมอยู่ เพราะหากไม่อ่านดูข้อมูลข้างในจะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เห็นเป็นการเปลี่ยนแนวแบบคนละขั่วจากสายลุยที่หลายๆคนชื่นชอบมาเป็นสายหมอบอันโดนใจขาแรง ซึ่งหากไอเดียและเล่นของไม่ถึงพอบอกได้เลยว่าไม่น่าสนใจขนาดนนี้

ขอบคุณรูปภาพจาก www.bikeexif.com

BMW R NINET CUSTOM “เท่สุดขั่วกับดีกรีระดับเทพ”

BMW R NINET CUSTOM

สำนักแต่ง : Onehandmade

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 4 ลูกสูบ เครื่องยนต์แบบ Boxer

ระบบระบายความร้อน : อากาศ/ออยคูเลอร์

ระบบเกียร์ : เกียร์ 6 สปีด

ระบบขับเคลื่อน : ด้วยเพลา

หน้ากาก : ถูกทำขึ้นมาใหม่ มีเบอร์ติดที่ฝั่งขวาโดยคล้ายรถวิบาก ส่วนฝั่งซ้ายเป็นไฟตัดหมอก H3 2 ดวง

ถังน้ำมัน : ถูกทำขึ้นมาใหม่มีรูปทรงสูงและอวบใหญ่

มาตรวัด : MOTOGADGET ฝังลงไประหว่างกุญแจกับฝาถังน้ำมัน

ปลอกแฮนด์ : ถูกเปลี่ยนเพื่อให้รับกับไฟเลี้ยวปลายแฮนด์ของ MOTOGADGET

ไฟเหลี้ยวซ้าย/ขวา : เป็นแบบติดปลายแฮนด์ของ MOTOGADGET

ไฟท้าย : แบบ LED ฝังติดกับขอบท้ายผสมผสานของใหม่กับความคลาสสิคได้อย่างลงตัว

พักเท้า : MX Style จาก MS Pro

กรองเปลือย : K&N

ปลายท่อ : GPR

ยางหน้า/หลัง : PIRELLI SCORPION RALLY

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า ช็อคเทเลสโคปิค อัพไซด์ดาวน์ เคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยม
– ด้านหลัง ช็อคอับเดี่ยวแบบสปิงติดอยู่บริเวณใต้เบาะ

เมื่อทีเด็ดจาก BMW ที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นอันหลงใหลถูกร่ายเวทมนต์ครั้งใหม่ด้วยการใส่ดีกรีอย่างร้อนแรงกับการแปลงกายแบบสุดขั้วอันโดนใจผู้ที่ชื่นชอบความดิบบอกตรงๆ เลยว่าหาคนกล้านำตัวเทพมาเล่นแบบนี้ได้เพียงไม่กี่คนในโลกเท่านั้น

ขอบคุณรูปภาพจาก www.bikeexif.com

YAMAHA SR500 Custom “สตรีทแทรกเกอร์ หล่อสไตล์วินเทจ”

YAMAHA SR500 Custom

สำนักแต่ง : DEUS

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 1 ลูกสูบ

ระบบระบายความร้อน : อากาศ

ระบบเกียร์ : เกียร์ 5 สปีด

ระบบขับเคลื่อน : โซ่/สเตอร์

บังโคลนหน้า : ถูกทำขึ้นใหม่เป็นแผ่นสแตนเลส

บังโคลนหลัง : ถูกทำขึ้นใหม่เป็นรูปแบบของเคฟล่า

ไฟหน้า : ทรงกลม  พร้อมกับตะแกรงสแตนเลสครอบ

ไฟท้าย : เป็นแบบ LED

ไฟเลี้ยวซ้าย/ขวา : เลนส์หน้าสีส้มลมดำ รูปทรงแบบหัวกระสุน

มาตรวัด : เป็นแบบสแตนเลส

แฮนด์ : ใช้ของ Pro Taper

ถังบรรจุเชื้อเพลิง : ถูกทำขึ้นใหม่เป็นถังอัลลอยแบบ XT-Style พร้อมโลโก้ DEUS คาดไว้ที่ข้างถัง

เบาะนั่ง : รูปทรงยาวหุ้มด้วยหนังสีดำ ลายเส้นสีขาวเพิ่มความวินเทจให้รถ

พักเท้า : ทำจากวัสดุอัลลอย

ระบบช็อคหน้า/หลัง
– หน้า Öhlins อัพไซด์ดาวน์
– หลัง Öhlins ช็อคอับเดี่ยว อัพไซด์ดาวน์ พร้อมกับกระปุกซับแท้งค์ ถูกติดตั้งไว้บริเวณใต้เบาะนั่ง

ระบบเบรค
– หน้า จาเบรคเดี่ยว ขนาด 320 มม. คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ

วงล้อ/ยาง
– หน้า ซี่ลวดสแตนเลส ยาง K180 ขนาด 130 มม.
– หลัง ซี่ลวดสแตนเลส ยาง K180 ขนาด 180 มม.

เมื่อเจ้า YAMAHA SR500 ถูกจับตัดแต่งพันธุกรรมให้มีความลงตัวในสไตล์วินเทจ พร้อมกับผสมผสานความลงตัวได้ดีในยุคนี้ เพราะถ้าพูดถึงในยุคนั้นแล้วก็ถือได้ว่าเป็น “ตำนาน”ก็ว่าได้ เพราะก็เป็นที่ต้องตาต้องใจในกลุ่มวัยรุ่นของยุคนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทางสำนักแต่ง DEUS ก็ได้นำเจ้า YAMAHA SR500 คืนชีพอีกครั้ง ด้วยการผสมผสานของเด็ดๆยัดเข้าไปให้กับเจ้านี่  จนกลายมาเป็นเจ้า DEUS SR500 STREET TRACKER คันนี้

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.bikeexif.com, www.deuscustoms.com

HONDA CB100 CUSTOM “ความคลาสสิคมันอยู่ในสายเลือด”

HONDA CB 100 CUSTOM

สำนักแต่ง : DEUS

เครื่องยนต์ : Honda 1976 CB 100 4 จังหวะ 1 ลูกสูบ

ขนาดความจุ : 180 ซีซี

ระบบระบายความร้อน : อากาศ

ระบบเกียร์ : เกียร์ 5 สปีด

ระบบขับเคลื่อน : โซ่/สเตอร์

ระบบจุดระเบิด : แบบ CDI

ไฟหน้า : ขนาด 4.5 นิ้ว สั่งตรงจาก ญี่ปุ่น

ไฟท้าย : รูปทรงกลมขนาดเล็กแต่มีความสว่างมาก ของ Easyriders สั่งตรงจาก ญี่ปุ่น

ไฟเลี้ยว : รูปทรงกลม หน้าเลนส์รมดำ สั่งตรงจาก ญี่ปุ่น

มาตรวัด/ขายึด : เป็นของ Deytona

แฮนด์ : เป็นของ Ventura BSA Style

ประกับแฮนด์ : เป็นของ Kitaco

กระจกมองข้างซ้าย/ขวา : เป็นของ Clip-on

ปลอกแฮนด์ : เป็นแบบ British ribbed-style ใช้ของ Brown

ถังบรรจุเชื้อเพลิง : ถูกทำขึ้นใหม่เพื่อให้รับกับเบาะ

เฟรมด้านหลัง : ทำขึ้นใหม่ ตัดให้สั้นจากเดิมเข้ามา 3 นิ้ว

ดุมล้อหลัง : ใช้ของ YAMAHA 225

สวิงอาร์ม : ทำขึ้นใหม่จาก Steel tube

ระบบกันสะเทือน
– หน้า ช็อคอับเทเลสโคปิค ใช้ของ YAMAHA 225
– หลัง เป็นช็อคอับคู่เป็นแบบ Old style

ล้อ/ยาง
– หน้า ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ยาง พร้อมซี่ลวดสแตนเลส ยาง Swallow tires 120/80 × 18 นิ้ว
– หน้า ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ยาง พร้อมซี่ลวดสแตนเลส ยาง Swallow tires 120/80 × 18 นิ้ว

ความเก๋ามันอยู่ในสายเลือดส่วนความเก่ามันอยู่ที่ใจ อีกหนึ่งตัวสำหรับสำนัก DEUS ที่ทางสำนักเขาจัดรถแนวๆสุดเก๋าและคลาสสิคมา สนองความต้องการอารมของคนที่ชื่นชอบในความเป็นคลาสสิคของรถรุ่นเก่าๆ เจ้า CB 100 นี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ทางสำนักเขาจับมาทำแปลงโฉม ซึ่งก็บอกๆได้เลยว่า โดนใจสะเหลือเกิน แหม๊….. ยิ่งเก่ามันยิ่งเท่จริงๆครับ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.bikeexif.com

Honda เผยโฉม CBR300R –CB300F เวอร์ชั่นปี 2016 เผ็ดร้อนเร้าใจทุกองศา!

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตอกย้ำผู้นำเทรนด์สปอร์ตด้วยการเปิดตัว New Honda CBR300R และ CB300F เวอร์ชันปี 2016 พร้อมสมรรถนะที่โดดเด่นจากเครื่องยนต์ 300ซีซี วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยเปิดเผยว่า “รถในตระกูล 300Series ของฮอนด้าซึ่งประกอบด้วย Honda CBR300R และ CB300F ล้วนแต่เป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศไทยเพราะตัวรถตอบโจทย์ผู้ใช้ทั้งในเรื่องดีไซน์ที่ให้ความเป็นรถสปอร์ตขั้นสุด และสมรรถนะจากเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI ที่ให้แรงบิดเต็มซีซี ความลงตัวนี้ทำให้รถทั้งสองรุ่นได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง”

“แม้จะได้รับความนิยมเพียงใด แต่ตลาดก็ยังต้องการความสดใหม่อยู่เสมอ ในปี 2016 นี้เราจึงได้ปรับโฉม Honda CBR300R และ Honda CB300F ให้มีความดุดันเหนือความคาดหมาย โดยใช้การผสมผสานที่ลงตัวของสีสันที่ร้อนแรง และกราฟิกที่โฉบเฉี่ยว ในขณะที่โครงสร้างของรถยังคงความเป็นสปอร์ตขนาดกลางที่ขับขี่คล่องตัว มีแรงบิดดี เหมาะทั้งกับการใช้งานในเมือง และขี่ทะยานระยะไกล”

New Honda CBR300R และ CB300F เวอร์ชันปี 2016 โดดเด่นในแบบ Urban Style ท้าทายทุกสายตาให้เหลียวมองด้วยการผสมผสานที่ลงตัวของดีไซน์ที่ดุดันและสีสันที่ร้อนแรง กราฟิกใหม่แบบ CBR Signature และโลโก้ Honda ขนาดใหญ่ที่แฟริ่งด้านล่างของรถซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถซูเปอร์ไบค์ CBR1000RR เพิ่มกลิ่นอายความเป็นบิ๊กไบค์ด้วยแครงค์เคสสีทอง โคมไฟหน้าคู่แบบ Dual Multi Reflector (รุ่น CBR300R) และแบบ V-Shape (รุ่น CB300F) เท่มีสไตล์, ติดตั้งท่อไอเสียแสตนเลส Sport Muffler พร้อมชีลด์กันความร้อน, ระบบกันสะเทือนหลังแบบ Pro-Link® Rear Suspension ให้ความนุ่มนวลและเพิ่มความสามารถในการทรงตัว ปลอดภัยทุกเส้นทางด้วยระบบเบรก ABS

New Honda CBR300R และ CB300F แรงด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 300ซีซี ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 4 วาล์ว ระบบหัวฉีด PGM-FI ที่คำนวณการฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างอัจฉริยะ ให้แรงต้นที่จัดจ้าน ขับขี่สนุกคล่องตัว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยค่าไอเสียที่สะอาดถึงระดับ 6 ทั้งยังปลอดภัยด้วย Engine Stop Switch ที่สามารถหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส

เอ.พี. ฮอนด้า พร้อมวางจำหน่าย New Honda CBR300R และ CB300F ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ โดยราคาแนะนำสำหรับ Honda CBR300R อยู่ที่ 133,000 บาท มีให้เลือก 4 สไตล์ได้แก่ สีส้ม-ดำ, สีแดง-ดำ, สีเหลือง-ดำ, สีดำ และ Honda CB300F สนนราคาแนะนำอยู่ที่ 126,000 บาท มีให้เลือก 3 สไตล์ได้แก่ สีเทา-เหลือง, สีแดง-ดำ, สีดำ

พร้อมกันนี้ ฮอนด้ายังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อ Honda CBR300R สีส้ม-ดำ และ Honda CB300F สีเทา-เหลือง รับฟรีทันที! แจคเก็ตลิมิเต็ดอิดิชั่นจากฮอนด้า จำนวนจำกัดเพียง 1,000 ตัวเท่านั้น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.aphonda.co.th

Triumph Thruxton EFI 2014 Custom “จี๊ดโดนใจ…สองสไตล์ในคันเดียว”

Triumph Thruxton EFI 2014 Custom

สำนักแต่ง : The Triton

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ DOHC, Parallel Twin

ขนาดความจุสุทธิ : 865 ซีซี

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 9.2 : 1

ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก : 90 x 68 มม.

แรงม้าสูงสุด : 70 แรงม้า ที่ 7,400 รอบ/นาที

แรงบิดสูงสุด :  72 นิวตัน-เมตร ที่ 5,750 รอบ/นาที

ระบบระบายความร้อน : อากาศ

ระบบเกียร์ : เกียร์ 5 สปีด

ระบบขับเคลื่อน : โซ่/สเตอร์

บังโคลนหน้า : ถูกออกแบบขึ้นใหม่มีรูปทรงสั้นเคลือบด้วย Clear varnish

บังโคลนหลัง : ถูกทำขึ้นใหม่พร้อมกับป้ายเบอร์ด้านข้าง

ถังบรรจุเชื้อเพลิง : ถูกออกแบบขึ้นใหม่เคลือบด้วย Clear varnish

มาตรวัด : ใช้ของ Motogadget

สวิตซ์สตาร์ทเครื่องยนต์ : ใช้ของ Motogadget  Switchs

กรองอากาศ  : กรองเปลือย ของ Free Spirits

ไฟหน้า : ใช้ของ Free Spirits

เบาะนั่ง : ถูกออกแบบขึ้นใหม่คาดปลายด้วยเส้นสีขาวและมีรูปทรงสั้นเพื่อให้รับกับถังน้ำมัน

ท้าย : ถูกออกแบบใหม่ให้มีรูปทรงสั้นลงและรับกับรูปทรงของเบาะนั่ง (ท้ายสั้น)

ยางหน้า/หลัง : Bridgestone Trail Wing TW54 และ TW53

ประกับคันเร่ง : ใช้ของ Tomaselli

แฮนด์ : ใช้ของ LSL

เมื่อพูดถึง Triumph หลายๆรุ่นก็คงจะโดนใจใครหลายๆคนที่เป็นแฟนตัวโยงอยู่ไม่ใช่น้อย ยิ่งเจ้า Triumph Thruxton EFI 2014 ถูกจับมาแปลงร่างให้เป็นแนว Tracker แล้วก็มีกลิ่นของ Cafe นิดๆ  ก็ยิ่งทำให้โดนใจแฟนๆที่ชอบสไตล์นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งทาง The Triton เขาก็จัดการแปลงโฉมให้เจ้า Triumph Thruxton EFI 2014 นี้ออกมาได้จัดจ้านจัดเต็มจริงๆ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.fuelmotorcycles.eu , www.triumphtwinpower.com

Moto Guzzi V65 TT Custom “สิงห์ถึกทะเลทราย”

Moto Guzzi V65 TT Custom

สำนักแต่ง : FUEL

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 2 ลูกสูบ

ขนาดความจุสุทธิ : 645 ซีซี

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 9.8 : 1

ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก : 80 x 64 มม.

แรงม้าสูงสุด : 48 แรงม้า

ระบบระบายความร้อน : อากาศ

ระบบเกียร์ : เกียร์ 5 สปีด

ระบบขับเคลื่อน : เพลา

ไฟคู่หน้า : ใช้ของ Suzuki GSXR 750 (1988)

แท่นยึดจับไฟหน้า : ถูกทำขึ้นใหม่

ช็อคอับหน้า : ใช้ของ Honda Dominator

เบานั่ง : ออกแบบขึ้นใหม่หุ้มด้วยหนังสีน้ำตาล

ถังบรรจุเชื้อเพลิง : ใช้ของ Triumph T120 (1970)

ยางหน้า/หลัง : ใช้ของ Heidenau K60

มาตรวัด : ใช้ของ Daytona

กระเป๋าข้าง : จาก Maxakaido

เริ่มต้นจากความแปลกของ Guzzi V 65 ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์ในยุค 80  จัดขึ้นแท่นว่าเป็นรถคลาสสิคเลยก็ว่าได้ แต่ในปัจจุบันค่ายแต่งต่างๆ ก็มักจะเอารถในยุคเก่าๆ มาจัดการแปลงโฉมให้เกิดภาพลักษณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็น Moto Guzzi V65 TT ปี 1985 ทางสำนัก FUEL เขาก็ได้ปั้นเจ้า Guzzi V65 TT  ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อไปลุยทะเลทรายสุดหฤโหดที่แอฟริกาโดยระยะทางเกือบทั้งสิ้น 2500 กม.

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.fuelmotorcycles.eu, www.bikez.com

Yamaha ดึง Rossi แชมป์โลกร่วมเปิดตัว Yamaha Aerox 155 ออโตเมติกสายพันธุ์สปอร์ตรุ่นใหม่ครั้งแรกของโลกที่สนามเซปัง

Yamaha Aerox 155 ออโตเมติกสายพันธุ์สปอร์ตครั้งแรกของโลก ณ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย โดยมีนักแข่งชื่อดังของทีม Movistar Yamaha MotoGP อย่าง วาเลนติโน่ รอสซี่ แชมป์โลก 9 สมัย ร่วมทำการเปิดตัวในครั้งนี้ โดยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า แอร็อกซ์ 155 ในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลกรวมถึงคณะสื่อมวลชนไทย เข้าร่วมงานเปิดตัวอย่างคับคั่ง สำหรับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า แอร็อกซ์ 155 เป็นรถออโตเมติกสายพันธุ์สปอร์ตรุ่นใหม่ ที่ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์มาแบบโฉบเฉี่ยว สปอร์ตเร้าใจ โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 155 ซีซี. เทคโนโลยี BLUE CORE ซึ่งเป็นเจเนอเรชันใหม่ของเครื่องยนต์ยามาฮ่า ที่พร้อมระบบวาล์วแปรผัน (VVA) และฟีเจอร์สุดล้ำสมัยอย่างครบครัน

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา บริษัท ยามาฮ่า มอเตอร์ (YMC) จัดงาน The Pan ASEAN Media launch เพื่อแถลงข่าวเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ “YAMAHA AEROX/NVX” ออโตเมติกสายพันธุ์สปอร์ต ณ สนาม เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล โดยได้รับเกียรติจาก CEO จาก ยามาฮ่ามอเตอร์ รวมทั้ง CEO จาก ประเทศไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และ เวียดนาม พร้อมผู้บริหารระดับสูง และสื่อมวลชนจากทั่วอาเซียนจำนวนมากเข้าร่วมในงานครั้งนี้

สำหรับ GDR155 ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เป็นรถสกู๊ตเตอร์ระดับเรือธงในภาคพื้นอาเซียน ซึ่งได้รับการผสมผสานระหว่างรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวเข้ากับสมรรถนะการขับขี่สไตล์สปอร์ตได้อย่างลงตัว ภายใต้รหัสความเร้าใจ NVX ที่ใช้เรียกในประเทศเวียดนาม โดยในประเทศไทยจะใช้รหัสเรียกว่า AEROX โดยพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2016 เป็นต้นไป ส่วนในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ ในอาเซียนจะเริ่มวางจำหน่ายช่วงไตรมาสแรกของปี 2017 เป็นต้นไป

GDR155 ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “ASEAN Best Sporty Scooter” ที่วางกลุ่มเป้าหมายผู้ขับขี่หลักเป็นผู้ชายในช่วงอายุ 25-30 ปี ที่ชื่นชอบรถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ต ระดับไฮคลาส โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์เจเนอเรชันยุคใหม่ของยามาฮ่าอย่าง BLUE CORE ที่ได้รับการติดตั้ง Smart Motor Generator ซึ่งทาง ยามาฮ่ามอเตอร์ (YMC) ได้ทำการพัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมติดตั้งระบบที่หยุดการทำงานเครื่องยนต์และรีสตาร์ทใหม่ได้อย่างนุ่มนวล และเงียบกว่าโดยฟีเจอร์เด่นของออโตเมติกสายพันธุ์สปอร์ต รุ่นใหม่นี้มีดังนี้

– 155 ซีซี. เครื่องยนต์ BLUE CORE พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVA ที่ให้อัตราเร่งที่ดียิ่งขึ้น และประหยัดมากขึ้น
– Smart Motor Generator ที่ช่วยให้การสตาร์ทเครื่องยนต์มีความนุ่มนวล และเงียบ
– น้ำหนัก 118 กก. เพื่อการขับขี่ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น
– รูปลักษณ์การออกแบบที่สะท้อนถึงกล้ามเนื้อของนักกีฬา
โดยนอกจากรุ่นมาตรฐานแล้ว ยังมีรุ่น R Version ที่ได้รับการติดตั้งกันสะเทือนหลังที่ใช้โช้คอัพแบบซับแท็งค์ พร้อมระบบดิสก์เบรกหน้าแบบ ABS และรุ่น A/I Version ที่มาพร้อมระบบ Stop & Start และกุญแจอัจฉริยะ โดยรถรุ่นนี้มีสายการผลิตทั้งจากประเทศไทย, เวียดนาม และอินโดนีเซีย

คลาสสิก! Audi B2 Coupe ถูกปรับโฉมภายในแล้วจากค่ายอิสระชื่อดัง

รถสุดคลาสสิกแห่งยุคอย่างรถแบบ Audi A2 นั้นเป็นหนึ่งในรถสุดคลาสสิกของยุคนี้และเป็นที่ฝันถึงของใครหลายๆคนที่เป็นนักสะสมตัวยงในโลกของเนื่องจากความเก่าของมันเป็นจุดเด่นของนักอนุรักษ์นิยมทั้งหลายโดยตรง

รถแบบ “B2 Coupe” นั้นเป็นหนึ่งในรถที่ทรงพลังเพราะใช้เครื่องยนต์แบบเทอร์โบชาร์จ (turbocharged) พร้อมกับขับเคลื่อนล้อหน้าแบบ AWD เป็นรุ่นแรกๆและมีราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 ดอลล่าร์สหรัฐในช่วงเริ่มแรกของการขาย

แต่ล่าสุดนั้นมีการนำมันมาตกแต่งภายในสุดคลาสสิกแบบใหม่ล่าสุด โดยความร่วมมือกับทางทีมงานแต่งรถของ Carbon Motors ให้มีการคิดใหม่ทำใหม่ของการออกแบบห้องโดยสารรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ให้ดูมีมิติและสวยงามกว่าเดิม

สำหรับในส่วนของวัสดุที่นำมาใช้นั้น ได้แก่ เบาะหนังแบบหรูหราอย่าง Alcantara ที่ทางทีมงานของ Carbon Motors เลือกมาเป็นอย่างดี, มีการตกแต่งด้วยสีดำสลับกับสีแบบ Lava Orange (สีส้มลาวา) เพื่อให้ดูเด่นและตัดกันเป็นที่สุด

Kawasaki เปิดตัว 2017 Ninja 3 รุ่น Ninja 650, Ninja 1000 และ ZX-10RR

วันนี้ Kawasaki Motors ประเทศไทยได้จัดงานเปิดตัว 2017 Kawasaki Ninja Series ใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย New โมเดล 3 รุ่น ได้แก่ 2017 Ninja 650, 2017 Ninja 1000 และ 2017 Ninja ZX-10RR

มร.ยาสุชิ คาวาคามิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “คาวาซากิ มีแนวทางในการทำตลาดโดยการส่งผ่านความเชื่อมั่น และความภาคภูมิใจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Don’t Blink the Eyes” สะกดทุกสายตาบนท้องถนน กับนวัตกรรมด้านความเร็วแห่งอนาคต ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย โฉบเฉี่ยว พร้อมกับสีสันที่ร่วมสร้างแฟชั่นสำหรับผู้ชื่นชอบการขับขี่อย่างมีสไตล์ เทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ที่ตอบโจทย์ในทุกสมรรถนะด้านความเร็ว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของคาวาซากิในตลาดโลก และเรามีความภูมิใจที่จะนำเสนอ “New Kawasaki Ninja 650, Ninja 1000 และ Ninja ZX-10RR” ยานพาหนะแห่งท้องถนนที่จะพาคุณไปสู่ความสนุกสนานของการขับขี่ ให้ทุกท่านได้สัมผัสความสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลนินจาไปพร้อมๆ กันเป็นครั้งแรกในประเทศไทย”

2017 Ninja 650 สีดำ 2.995 แสนบาท และ ลาย KRT 3.065 แสนบาท
อีกระดับของความเร้าใจกับ Ninja 650 ใหม่ ฉีกทุกดีไซน์ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ น้ำหนักเบาขึ้น ให้ความโฉบเฉี่ยว ดุดัน เฉกเช่นเดียวกับรถซูเปอร์สปอร์ตสายพันธุ์นินจา น้ำหนักเฟรมที่เบาเพียง 15 กก. และความสูงเบาะนั่งเพียง 790 มม. ให้ความคล่องตัวเป็นเลิศ ทำให้ผู้ขับขี่สนุกไปกับ Ninja 650 ได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งโฉมใหม่นี้มาพร้อมกับชิลด์หน้าดีไซน์สปอร์ตสามารถปรับได้ 3 ระดับ โดยปรับได้สูงสุดถึง 60 มม. ไฟแสดงสถานะรอบเครื่องยนต์ใหม่ โดยเข็มมาตรวัดรอบเครื่องยนต์จะเปลี่ยนสี (จากสีขาวเป็นสีชมพูและเป็นสีแดง) เพื่อแจ้งจังหวะเปลี่ยนเกียร์ขึ้นที่ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกช่วงในการเปลี่ยนเกียร์ได้เองในส่วนของไฟท้าย LED ลวดลายสปอร์ตรูปตัว “X” ส่องสว่างชัดเจน ปลอดภัยทุกการเดินทาง ท่อไอเสียดีไซน์โฉบเฉี่ยวซ่อนอยู่ใต้เครื่องยนต์สะท้อนภาพลักษณ์สปอร์ตน่าค้นหาให้กับ Ninja 650 ในส่วนของสีที่นำมาจำหน่าย คือ สีเขียว/ดำด้าน Lime Green / Ebony (KRT Edition) และสีดำ Metallic Spark Black

2017 Ninja 1000 6.64 แสนบาท
การปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ของสายพันธุ์นินจาที่มอบความสะดวกสบายของการขับขี่สไตล์สปอร์ตได้อย่างน่าสนใจและแฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์ของรถทัวร์ริ่ง เติมเต็มพละกำลังขับเคลื่อนและความสุขุมในการควบคุมรถถึงขีดสุด พกพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เทคโนโลยีขั้นสูงเฉกเช่นเดียวกับ Ninja ZX-10RR เช่น ระบบ KCMF ฟังก์ชั่นช่วยควบคุมการเข้าโค้งตั้งแต่เริ่มเข้าโค้งจนกระทั่งออกจากโค้งอย่างราบรื่นตลอดกระบวนการ รวมถึง KTRC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี การยกล้อหน้าและการลื่นไถล ครอบคลุมสภาวะการขับขี่ที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตหรือช่วยให้พารถข้ามผ่านพื้นผิวถนนที่มีสภาพเปียกลื่นได้อย่างมั่นใจ และ KIBS การควบคุมระยะก้มเงยและการเบรกในโค้งอย่างแม่นยำในระดับซูเปอร์สปอร์ตของคาวาซากิ ในส่วนของเบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมอบความสบายรองรับสรีระผู้ขับขี่ได้ดีขึ้น และช่วยลดอาการเมื่อยล้าเมื่อต้องขับขี่ระยะทางไกล ชิ้นส่วนประกอบสไตล์ซูเปอร์สปอร์ตหลายชิ้นถูกเลือกใช้เพื่อให้ Ninja 1000 มีสมรรถนะสูงขึ้น เพิ่มความโดดเด่นด้วยสีเขียว-เทา Candy Lime Green/Metallic Carbon Gray จึงทำให้โมเดลนี้คือยานพาหนะที่มอบความสุขให้แก่นักขับขี่อย่างแท้จริง

Ninja ZX-10RR 7.85 แสนบาท
ที่สุดของรถจักรยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ต Ninja ZX-10RR “Fastest On The Track” ถูกผลิตมาทั่วโลกเพียง 1,000 คันเท่านั้น ดีไซน์พิเศษปราศจากเบาะและที่พักเท้าผู้โดยสารเพื่อทำให้โมเดลนี้มีความเป็นซูเปอร์สปอร์ตเฉกเช่นรถในสนามแข่งขัน ช่วงล่างได้รับการปรับตั้งเป็นพิเศษพร้อมยาง Pirelli Diablo Supercorsa SP ซึ่งเป็นยางสมรรถนะสูงที่ช่วยส่งให้รถทำความเร็วต่อรอบได้เร็วขึ้นอีกทั้งยังเพิ่มระบบ KQS ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงได้โดยไม่ต้องใช้คลัทช์ เร้าใจกับสมรรถนะเต็มพิกัดเหมือนอยู่ในสนามแข่ง Ninja ZX-10RR มาพร้อมกับล้ออะลูมิเนียม 7 ก้านที่ทางคาวาซากิพัฒนาร่วมกับ Marchesini การควบคุมรถจึงทำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเปลี่ยนทิศทางของรถและจากผลการทดสอบ ณ สนามทดสอบออโต้โพลิส (Autopolis Circuit) Ninja ZX-10RR สามารถทำความเร็วได้ดีขึ้นกว่ารุ่นมาตรฐานถึง 1- 2 วินาที ตอกย้ำความเป็นซูเปอร์สปอร์ตสายพันธุ์นินจาตัวจริง อีกทั้งยังเพิ่มความดุดัน แข็งแกร่ง ด้วยโฉมสีดำด้าน Flat Ebony (KRT Winter Test Edition) สะกดทุกสายตา ตามแบบฉบับของตระกูล Ninja อย่างแท้จริง

ในวันนี้ Kawasaki ได้เปิดตัว 2017 Ninja Series ซึ่ง มีอีก 2 โมเดลที่เปิดตัวลายใหม่ ได้แก่ 2017 Ninja 300 Winter Test และ 2017 Ninja H2

2017 Kawasaki Ninja 300 Winter Test นั้น เป็นลายการทดสอบในช่วงฤดูหนาว แบบเดียวกับรุ่นพี่ ทั้ง ZX-10R Winter Test โดยเปิดราคาที่ 1.97 แสนบาท
ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มให้ คือ ติดตั้งกันล้ม, วินชิลด์หน้า Smoke, และเบาะตูดมด

ขณะที่ 2017 Ninja H2 ใหม่ นั้น ได้มีการปรับลากราฟฟิคเล็กน้อย โดยมีการพาดขอบสติกเกอร์สีเขียว ที่แฟริ่งหน้า Wing แฟริ่งหน้า และเบาะตูดมดด้านท้าย

A.P.Honda แจกน้ำมันเครื่องแก่ กรรมการอาชีวศึกษา

นายอรัญ ใจกันทะ (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการฝ่ายอบรมผู้จำหน่าย ส่วนงานบริการลูกค้า บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย มอบน้ำมันเครื่องจำนวน 720 ขวด ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อใช้ในกิจกรรมทำความดีเพื่อพ่อ ณ กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ (ที่ 3 จากขวา) เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นตัวแทนรับมอบ เมื่อเร็วๆ นี้

Kawasaki เปิดตัวรถจักรยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ต 3 โมเดลล่าสุด

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำแห่งเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ สร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัว “New Kawasaki Ninja 650, Ninja 1000 และ Ninja ZX-10RR” กับดีไซน์โฉมใหม่ให้ความเป็นซูเปอร์สปอร์ต สมรรถนะเป็นเยี่ยมความคล่องตัวเป็นเลิศตามแบบฉบับรถซูเปอร์สปอร์ตตระกูล Ninja โดยมี มร.มิทสึฮิโกะ โอคาดะ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 5 จากซ้าย) ร่วมเปิดตัว ณ โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้

BMW ประเทศไทย จัดพาหนะรับส่งประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณใต้ฝ่าพระบาทโดยการจัดทำป้าย “ทำดีเพื่อพ่อ” บนอาคารใบหยก 2 สะท้อนความมุ่งมั่นในการทำความดีตามรอยเบื้องพระยุคลบาท พร้อมตอกย้ำการ “ทำดีเพื่อพ่อ” ผ่านการจัดบริการพาหนะรับส่งเพื่ออำนวยความสะดวกในการรับส่งพสกนิกรที่จะเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ และถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559 โดยจะให้บริการในช่วงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์

มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ขอร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณใต้ฝ่าพระบาท ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อการพัฒนาประเทศในทุกด้านและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนชาวไทย”

“นอกจากข้อความ “ทำดีเพื่อพ่อ” บนอาคารใบหยก 2 ซึ่งถือเป็นคำปฏิญาณของเราทุกคนในการทำความดีเพื่อสังคมเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ต่อไป เรายังพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางมาร่วมถวายอาลัยด้วยบริการพาหนะรับส่งจากทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนกว่า 30 คัน ซึ่งขับขี่โดยพนักงานจิตอาสาของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เพื่อบริการพสกนิกรชาวไทยที่มุ่งมั่นเข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระบรมมหาราชวัง ทั้งนี้บริการพาหนะรับส่งดังกล่าว ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดและเปิดให้บริการสำหรับประชาชนโดยผ่านการโทรศัพท์จองที่นั่งล่วงหน้ามาที่ศูนย์คอลเซ็นเตอร์ของเรา”

บริการพาหนะรับส่งนี้มีจุดต้นทางอยู่ที่อาคารออล ซีซั่นส์ เพลส ถนนวิทยุ โดยผู้โดยสารสามารถเดินทางมายังจุดดังกล่าวเพื่อขึ้นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูหรือมินิ และมุ่งหน้าไปยังจุดเปลี่ยนรถที่บริเวณถนนพระสุเมรุ ก่อนจะใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์จากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และอาสาสมัครในพื้นที่ เพื่อเข้าสู่บริเวณพระบรมหาราชวังต่อไป ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะมีรถรับส่งออกจากจุดต้นทางทุกชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 7:00 ถึง 15:00 น. ในทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ทั้งนี้ ผู้สนใจรับบริการกรุณาสำรองที่นั่งก่อนอย่างน้อย 1 วัน ผ่านเบอร์โทรศัพท์ 02-305-4999 ในวัน จันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 8:30 – 17:30 น. พร้อมนำบัตรประชาชนติดตัวมาด้วยเพื่อยืนยันการจองในวันที่ใช้บริการจริง

Kawasaki เปิดตัวสายพันธุ์แกร่ง ตระกูล 2017 Z Series 3 รุ่น ราคาเคาะ 4 – 6.91 แสนบาท

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ Big bike ชั้นนำของประเทศไทย เปิดตัวรถจักรยานยนต์ซูเปอร์เน็คเก็ตรุ่นใหม่ล่าสุดเพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของรถในรุ่น 600 ซีซี ขึ้นไป ด้วยคุณภาพและเทคโนโลยีจากคาวาซากิเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์สายพันธุ์แกร่งจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้คาวาซากิผลิตรถที่ดีที่สุดเพื่อมอบให้กับนักขับขี่ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ชั้นเยี่ยมจากคาวาซากิ โดยรุ่นที่นำเสนอถือเป็นรุ่นที่เปิดตำนานความเป็นคาวาซากิจากอดีตสู่ปัจจุบัน นั่นคือ Z650 รถซูเปอร์เน็คเก็ตสไตล์สปอร์ตขนาดกลาง น้ำหนักเบา ตอบรับการขับขี่ด้วยความรู้สึกสนุกสนานทุกเส้นทาง ตอบรับทุกฟังก์ชั่นบนท้องถนน ไฮไลท์อีกรุ่นคือ Z900 ซูเปอร์เน็คเก็ตที่สุดของรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่เบาและแรง ด้วยคุณสมบัติพิเศษจากการออกแบบตัวรถเพื่อการขับขี่อย่างเต็มสมรรถนะและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งการเปิดตัว Z1000 (HG) ที่สุดของรถซูเปอร์เน็คเก็ตเครื่องยนต์ 1000 ซีซี ให้การตอบสนองเป็นเยี่ยม พละกำลังเต็มอัตรา ดีไซน์โฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับ SUGOMI สมกับเป็นตัวท็อปแห่งตระกูล Z โดยแท้จริง

คุณกฤษณะ ภาคีแพทย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาดเปิดเผยว่า “ปัจจุบัน เรามองเห็นถึงนักขับขี่หน้าใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก นั่นแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดเมืองไทย เราจึงมุ่งเน้นการขับขี่เพื่อสร้างความความปลอดภัย มีการควบคุมที่เป็นเยี่ยม และการออกแบบที่รับกับสรีระของคนไทย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่ เหนือสิ่งอื่นใดคาวาซากิยังมุ่งเน้นการบริการที่มีคุณภาพ การขยายศูนย์บริการที่มากขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่กำลังขยายเพิ่มในแต่ละภูมิภาค และในวันนี้กระผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มอบผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดตระกูล Z พร้อมกันถึง 3 รุ่น นั่นคือ Z650 Z900 และ Z1000 (HG) รถจักรยานยนต์ซูเปอร์เน็คเก็ตเพื่อการขับขี่อย่างมีสไตล์ คุณสมบัติพิเศษของโครงสร้างที่ทำให้รถมีน้ำหนักเบา ตัวรถและการควบคุมได้รับการออกแบบเพื่อทุกสรีระของนักขับขี่ภายใต้มาตราฐานของคาวาซากิ สำหรับรถจักรยานยนต์ตระกูล Z ที่นำมาจัดแสดงนั้น มีตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ให้พละกำลังและอัตราเร่งเต็มพิกัด การนำรถมาจัดแสดงทั้งหมดนี้เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นตระกูลต้นแบบที่ทำให้เกิด Z จนมาถึงปัจจุบัน และโมเดลล่าสุดที่ถูกนำมาจัดแสดง ก็เพื่อตอกย้ำความสำเร็จและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้งของคาวาซากินั่นเอง”

Z650 ซูเปอร์เน็คเก็ตน้องใหม่จากคาวาซากิตระกูล Z เครื่องยนต์สองสูบเรียงขนาด 649 ซีซี ให้แรงบิดหนักหน่วงตั้งแต่รอบต่ำถึงกลางตัวถังดีไซน์ใหม่น้ำหนักเบา รูปทรงปราดเปรียวกะทัดรัดลงตัวกับซูเปอร์เน็คเก็ตขนาดกลางคันนี้ Z650 ใหม่ให้การขับขี่ที่คล่องตัวตอบสนองอัตราเร่งได้ดี ควบคุมและส่งถ่ายกำลังได้ดั่งใจเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะสปอร์ตเต็มขั้นและการเดินทางในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ทุกคนตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปจนถึงผู้ที่มีทักษะและประสบการณ์สูง สีที่มีจำหน่ายในประเทศไทยคือ สีขาว และ สีเขียว ที่เป็นเอกลักษณ์ของคาวาซากินั่นเอง ราคา 2.83 แสนบาท

Z900 รูปลักษณ์สะกดสายตาชวนให้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น Z900 ถูกออกแบบให้โฉบเฉี่ยว ดุดัน ตามแบบฉบับ Z โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก SUGOMI ตามการออกแบบของ Z1000 ซึ่งวางเส้นสายตัวรถไว้อย่างสง่างามตั้งแต่หน้ารถไปจนถึงท้ายรถและเน้นส่วนของเครื่องยนต์โดยใช้แฟริ่งปกปิดให้น้อยที่สุด เพื่อดึงดูดความสนใจไปที่ความงดงามของดีไซน์ที่ตอบโจทย์ฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ตัวรถยังให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ที่อัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแต่ปราดเปรียว น้ำหนักเบา ความคล่องตัวสูงเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสมรรถนะสปอร์ตเต็มพิกัด นอกเหนือจาก Z900 รุ่นมาตรฐานแล้ว คาวาซากิยังมีรุ่นพิเศษที่มีลวดลายกราฟิกและสีพิเศษมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นพิเศษโดยเฉพาะ สำหรับสีที่จำหน่ายคือ สีเทา สีดำ ราคา 3.99 แสนบาท และสีน้ำเงิน (รุ่นพิเศษ) 4.29 แสนบาท

Z1000R อักษรย่อ ที่สุดของความมีระดับกับรถจักรยานยนต์ตระกูล Z ที่ถูกออกแบบอย่างปราณีตพร้อมกับภาพลักษณ์อันโฉบเฉี่ยว ด้วยการพัฒนาระบบเครื่องยนต์ให้ราบรื่นพร้อมทะยานสู่ท้องถนนได้อย่างสมบูรณ์แบบ บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเพื่อการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และด้านการบริการ ซึ่งในปัจจุบันคาวาซากิได้ขยายศูนย์บริการขึ้นจำนวนมากทั่วประเทศ และได้ปรับเปลี่ยนส่วนการบริการเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับการขับขี่ที่สนุกสนานและการบริการอย่างมีคุณภาพ พร้อมทั้งการก้าวสู่ปีที่ 120 ของคาวาซากิในด้านอุตสาหกรรม ตลอดจนในปี 2017 เราจะได้พบกับความยิ่งใหญ่ในวงการรถจักรยานยนต์จากคาวาซากิอย่างแน่นอน
ราคา 6.91 แสนบาท

A.P.Honda จุดพลังฝันเด็กไทยสู่การเป็นวิศวกรที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ จัดการแข่งขันรถประหยัดเชื้อเพลิงครั้งที่ 19 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ

เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย จุดพลังฝันให้เด็กไทยเติบโตสู่การเป็นวิศวกรที่มีคุณภาพ ด้วยการจัดกิจกรรมการแข่งขันรถประหยัดเชื้อเพลิง Honda Eco Mileage challenge ครั้งที่ 19 ประจำปี 2559 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่ในสายอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาได้แสดงความสามารถในการออกแบบและประดิษฐ์ยานพาหนะที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากที่สุด เตรียมจัดการแข่งขันที่สนามช้างอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2559

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ภายใต้โครงการเอ.พี. ฮอนด้าจุดพลังฝัน เรามีปณิธานที่จะจุดพลังฝันให้กับเยาวชนไทย เพราะเราเชื่อว่าพลังฝันของเยาวชนจะทำให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับสังคม แนวคิดดังกล่าวจึงเป็นที่มาของกิจกรรมการแข่งขันฮอนด้าประหยัดเชื้อเพลิง ถือเป็นความตั้งใจของเราที่จะส่งเสริมศักยภาพด้านวิศวกรรมยานยนต์ให้กับเด็กไทย เติบโตสู่การเป็นวิศวกรที่มีคุณภาพ โดยการแข่งขันรายการนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาในสาขาช่างยนต์และวิศวกรรม ได้รับประสบการณ์จริงจากการนำความรู้ในห้องเรียนมาต่อยอดด้วยการลงมือประดิษฐ์รถ และค้นหานวัตกรรมที่ทำให้รถมีอัตราการประหยัดน้ำมันมากที่สุด ถือเป็นการเรียนรู้ในมุมมองที่กว้าง และเสริมสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆกัน”

“การแข่งขันรถประหยัดเชื้อเพลิงของฮอนด้าจะเปิดโอกาสให้เยาวชนได้คิดตั้งแต่จุดเริ่มต้น ต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโครงสร้างตัวถัง เครื่องยนต์ระบบหัวฉีด ระบบขับเคลื่อน หลักอากาศพลศาสตร์ ต้องออกแบบและผลิตตัวรถได้เองทั้งคัน ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ทำให้กิจกรรมของเราได้รับการตอบรับที่ดีจากสถาบันการศึกษาต่างๆมาโดยตลอด ซึ่งในปีนี้จะมีทีมที่เข้าแข่งขันทั้งสิ้น 482 ทีม”

สำหรับการแข่งขันรถประหยัดเชื้อเพลิง Honda Eco Mileage Challenge จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วยประเภทรถประดิษฐ์ และประเภทรถตลาด โดยในประเภทรถประดิษฐ์จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ระดับอาชีวศึกษา ระดับอุดมศึกษา และระดับประชาชนทั่วไป กำหนดกติกาให้รถทุกคันใช้ตัวถังที่มาจากการประดิษฐ์ขึ้นเองเท่านั้น และติดตั้งเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด PGM-FI ที่ฮอนด้าให้การสนับสนุน ส่วนในประเภทรถตลาด จะเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเข้าแข่งขันได้โดยใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ110ไอ, ฮอนด้าซีแซดไอ และ ฮอนด้าดรีม110ไอ โดยสามารถปรับแต่งเครื่องยนต์ได้ตามกติกาที่กำหนดไว้ และลงแข่งขันโดยใช้น้ำมันแก๊ซโซฮอลล์ 91 ด้วยความเร็วเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 25 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป

ทีมชนะเลิศสถิติสูงสุดจะได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขันรถประหยัดเชื้อเพลิงระดับนานาชาติที่ประเทศญี่ปุ่น ทีมรองชนะเลิศสถิติสูงสุดจะได้ไปร่วมแสดงผลงานที่ประเทศจีน

ทั้งนี้ การแข่งขันรถประหยัดเชื้อเพลิงครั้งที่ 19 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2559 ที่สนามช้างอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ฮอนด้าเปิดตัว CRF250 Rally ที่สุดของรถทางฝุ่นสไตล์แรลลี่ วางจำหน่ายประเทศไทยที่แรกในโลก

แบรนด์รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการยานยนต์ไทยด้วยการเปิดตัว Honda CRF250 Rally แรลลี่ไบค์รุ่นใหม่ล่าสุดของโลก โฉบเฉี่ยวดุดันทุกมุมมอง พร้อมที่จะทะยานไปทุกเส้นทางด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งและขุมพลังจากเครื่องยนต์สมรรถนะสูง วางจำหน่ายให้คนไทยได้สัมผัสก่อนใครในโลก

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยเปิดเผยว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีความหลากหลายในการใช้ชีวิตและมองหาสิ่งที่มาเติมเต็มความต้องการทางอารมณ์มากขึ้น เทรนด์ดังกล่าวยังรวมไปถึงการขับขี่รถในรูปแบบแรลลี่ซึ่งกำลังเติบโตขึ้นในเมืองไทย เราจึงได้สร้างสรรค์ Honda CRF250Rally ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว โดยทุกองค์ประกอบของรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อคนที่อยากจะเอาชนะความกลัวต่ออุปสรรคต่างๆของการขับขี่รถลุยเส้นทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นทราย กรวดหิน ลำธารหรือความสูงชัน ด้วยรถที่มีความแรง แข็งแกร่ง แต่มีน้ำหนักเบาทำให้สามารถขับขี่ได้อย่างสนุก”

“ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกของโลกที่วางจำหน่ายรถรุ่นนี้ และจะเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปทั่วโลก ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่คนไทยจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยมีใครนำเสนอมาก่อน โดยเราวางตำแหน่งทางการตลาดของรถรุ่นนี้ให้เป็นที่สุดของรถประเภทออนออฟในประเทศไทย”

Honda CRF250 Rally ได้รับการออกแบบให้เป็นรถแรลลี่ไบค์ (Rally Machine) ภายใต้คอนเซปต์ “เผชิญหน้า…ท้าทายทุกความกลัว” ตัวรถมีความปราดเปรียวแต่แข็งแกร่ง ดีไซน์สะดุดตาด้วยไฟหน้าคู่เล่นระดับแบบแอลอีดีที่ให้ความดุดันเหนือใคร สอดรับกับไฟเลี้ยวแบบแอลอีดีและไฟท้ายแบบโมโตครอส แผงบังลมหน้าขนาดใหญ่ให้ความสวยงามป้องกันลมและละอองฝุ่นได้ดี

ตัวรถติดตั้งชุดแฟริ่งสุดเท่พร้อมแผ่นรองกันกระแทกใต้ท้องเครื่อง(Shroud & Skid Plate) เพื่อป้องกันอันตรายจากการกระแทกกับโขดหินหรือสิ่งกีดขวางต่างๆ ในขณะเดียวกัน ที่พักเท้าถูกออกแบบให้พับได้แบบฟรีฟอร์มเพื่อการขับขี่แบบแรลลี่โดยเฉพาะ พร้อมแฮนด์การ์ดช่วยปกป้องมือจากการกระแทก ท่อไอเสียถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กเพื่อความคล่องตัว เสริมความมั่นใจด้วยดิสก์เบรกหน้าแบบลูกสูบคู่พร้อมจานเบรคขนาดใหญ่ ในขณะที่ถังน้ำมันมีความจุสูงถึง 10.1 ลิตร ทำให้สามารถเดินทางได้ไกลมากกว่า 300 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง พร้อมฝาน้ำมันดีไซน์ใหม่ที่ยึดติดกับตัวถังเพื่อความสะดวกในการเติมน้ำมัน

ในด้านสมรรถนะ Honda CRF250Rally ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ DOHC หัวฉีด PGM-FI ขนาด 250ซีซี เกียร์ 6 สปีด ตัวรถติดตั้งโช้คหน้าแบบหัวกลับขนาดใหญ่รองรับแรงกระแทกได้ทุกรูปแบบ พร้อมระบบกันสะเทือนหลังแบบ Pro-Link® ในขณะที่ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 155 กิโลกรัมเท่านั้นจึงให้ความคล่องตัวในการขับขี่สูง

นอกจากนี้ ฮอนด้ายังได้ปรับโฉม Honda CRF250L เวอร์ชันปี 2016 ให้มีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้นด้วยกราฟิกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งในแรลลี่ดาการ์เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบรถสไตล์เอ็นดูโร่ได้สัมผัสกัน

เอ.พี. ฮอนด้าพร้อมวางจำหน่าย Honda CRF250Rally ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไปที่ศูนย์ Honda Wing Center ด้วยราคาแนะนำที่ 164,600 บาทสำหรับรุ่นมาตรฐาน และ 184,000 บาทสำหรับรุ่นแต่งพิเศษจาก H2C และวางจำหน่าย New Honda CRF250L เวอร์ชันปี 2016 ที่ราคา 134,600 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.aphonda.co.th และอัพเดทกิจกรรมใหม่ๆได้ที่ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

BRIC Superbike ดวลสนามสุดท้าย ตัดสินแชมป์ 19-20 พ.ย.นี้

BRIC SBK 2016 RACE 3 Superbike 1000 https://youtu.be/4O1gSLTYilQ
BRIC SBK 2016 RACE 3 Super Stock https://youtu.be/LjPxnciI1xY
BRIC SBK 2016 RACE 3 Supersport https://youtu.be/cavaNmAMtks

ศึก บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2016 เตรียมดวลความเร็วสนามสุดท้าย เพื่อวัดแชมป์ประจำปีสุดสัปดาห์นี้ พร้อมชิงดำว่าใครจะได้สิทธิ์ไวด์การ์ดแข่งขันเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ (WSBK) และระดับเอเชีย เอาใจคอความเร็ว ยิงสด ทรู 4 ยู และออนไลน์สตรีมมิ่งตลอดทั้งวัน

การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2016 มีดวลความเร็วสนามสุดท้ายในวันที่ 19-20 พฤศจิกายนนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยถือเป็นการแข่งขันนัดชิงดำ เพื่อตัดสินแชมป์ประจำปีในแต่ละรุ่น เพื่อคัดเลือกว่าใครจะคว้าสิทธิ์ไวด์การ์ดเข้าร่วมแข่งขันในศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ (WSBK) และ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ (ARRC) ในบ้านเกิดสำหรับปี 2017

โดยการแข่งขันสนามสุดท้ายของ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2016 จะออกสตาร์ทโปรแกรมการซ้อมในวันเสาร์ที่ 19 พ.ย.นี้ ก่อนจะจับเวลาเพื่อควอลิฟายในวันเดียวกัน เพื่อจัดอันดับสตาร์ท ส่วนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย.นี้

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เผยว่า “ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของนักแข่งไทย สำหรับการลุ้นแชมป์ประจำปีในแต่ละรุ่น เพราะทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็น ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซี.ซี. เอสบี 1, ซูเปอร์สต็อก 1000 ซี.ซี. เอสที 1 รวมถึง ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. เอสเอส 1 ก็ล้วนแล้วแต่ยังต้องไปวัดแชมป์กันที่สนามสุดท้าย เพราะคะแนนของผู้นำยังไม่สามารถการันตีตำแหน่งแชมป์ประจำปีได้”

“การแข่งขันสนามสุดท้าย เราจะได้เห็นพวกเขาปล่อยทุกอย่างที่มีออกมา เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายในปีนี้ที่ลุ้นชิงตำแหน่งแชมป์ประจำปี โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่าน ทรู 4 ยู ช่อง 24 และถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์สตรีมมิ่ง ตลอดทั้งวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย.นี้ เพื่อเอาใจแฟนความเร็วชาวไทย”

สำหรับการถ่ายทอดสดของ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2016 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย.นี้ โดย ทรู 4 ยู ช่อง 24 จะถ่ายทอดสด 3 ชั่วโมงเต็มในเวลา 14.00-17.00 น. ส่วนการถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์สตรีมมิ่งจะมีตลอดทั้งวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 9.30 น. ไปจนถึง 18.00 น. ทาง ยูทูป ชาแนล BRIC Channel และ เฟซบุ๊คแฟนเพจ facebook.com/BuriramUnitedInternationalCircuit

Yamaha ส่งมอบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าบิ๊กไบค์ Bolt R

นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ (คนที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมทำการมอบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าบิ๊กไบค์ รุ่น Bolt R ให้กับ พลเอกทวีป เนตรนิยม (คนที่ 4 จากขวา) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ให้ความมั่นใจในสมรรถนะ และคุณภาพรถจักรยานยนต์ของยามาฮ่า โดยการส่งมอบนี้จัดขึ้น ณ โชว์รูม ยามาฮ่าไรเดอร์สคลับ เกษตร-นวมินทร์ (YRC) เมื่อเร็วๆ นี้

เวสปิอาริโอ รุกตลาดสองล้อครั้งใหญ่ ประกาศเป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทยทั้ง Aprilia และ Moto Guzzi เผยโฉมครั้งแรกในงาน Motor Expo 2016 นี้

บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลี “เวสป้า” และ “พิอาจิโอ” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ประกาศพร้อมเดินหน้ารุกตลาดมอเตอร์ไซค์
เต็มรูปแบบด้วยการได้สิทธิ์จัดจำหน่ายสองแบรนด์มอเตอร์ไซค์ชั้นนำระดับตำนาน ได้แก่ เอพริลเลีย (Aprilia) และโมโต กุซซี่ (Moto Guzzi) แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในประสบการณ์การขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนได้สัมผัสที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 ( Thailand International Motor Expo 2016 ) นี้ พร้อมยกทัพรถพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์และมอเตอร์ไซค์สัญชาติอิตาลีแบบครบไลน์เพื่อตอบรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าอีกด้วย

บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ชื่นชอบในประสบการณ์การขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยน บริษัทฯ เดินหน้ารุกตลาดสองล้ออย่างต่อเนื่องเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายทั้งพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์และมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ บริษัทฯ จึงได้นำสองแบรนด์ใหม่จากประเทศอิตาลีเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ได้แก่ เอพริลเลีย (Aprilia) และโมโต กุซซี่ (Moto Guzzi) ซึ่งล้วนเป็นนวัตกรรมสองล้อที่มีประวัติและชื่อเสียงยาวนาน บริษัทฯ พร้อมจะเปิดตัวรถครั้งแรกสุดในงาน Motor Expo 2016 นี้ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 9 รุ่น อาทิเช่น Aprilia RSV4 RF, Moto Guzzi V7 II Stone, Moto Guzzi V7 II Racer และ Moto Guzzi Audace เป็นต้น

สำหรับ เอพริลเลีย (Aprilia) เป็นมอเตอร์ไซค์ตระกูลรถแข่งและถือเป็นแบรนด์แนวสปอร์ตที่สำคัญที่สุดของพิอาจิโอ กรุ๊ป เอพริลเลียเป็นเจ้าของสถิติได้ชัยชนะมากที่สุด เหนือบริษัทคู่แข่งสัญชาติยุโรปอื่น ๆ ทั้งหมด จากการกวาดรางวัลกรังด์ปรีซ์ 294 รายการใน Road Racing World Championship นอกจากนี้ยังชนะรางวัลในการแข่งขันระดับโลกอีกกว่า 52 รายการ ได้แก่ Road Racing World Championship 38 รายการ (20 ครั้ง ในรุ่น 125 ซีซี และ 18 ครั้ง ในรุ่น 250 ซีซี) 5 รายการในประเภทซูเปอร์ไบค์ (ทั้งนักขับและผู้ผลิตชนะเลิศใน 2010 และ 2012 และผู้ผลิตชนะเลิศในปี 2013) และ 9 รายการในประเภทออฟโรด (7 ครั้ง ในซุปเปอร์โมโต และ 2 ครั้ง ในรายการไทรอัล) และในปี 2009 เอพริลเลียเปิดตัว Aprilia RSV4 ในการแข่งขัน World Superbike โดยในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เอพริลเลีย ได้กวาดชัยชนะมากมายทั้งจากการแข่งขันในประเทศและรายการในยุโรป ทุกสุดสัปดาห์ทั่วโลกจะมีรถมอเตอร์ไซค์เอพริลเลียลงสนามแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงให้แก่วงการแข่งรถของอิตาลีและยุโรป สนองความฝันของสิงห์นักบิดในการแข่งขันและสร้างนักบิดรุ่นเยาว์ให้เติบโตพร้อมลงประชันความเร็วในสนามระดับโลก

โมโต กุซซี่ (Moto Guzzi) คือ อีกหนึ่งแบรนด์ที่เหนือชั้นในตลาดโลกในเครือพิอาจิโอ กรุ๊ป ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 จวบจนปัจจุบัน แบรนด์มีอายุกว่า 95 ปี โดยตราสัญลักษณ์ของโมโต กุซซี่ คือ รูปนกอินทรีกางปีกแดง ด้วยไลน์รถมอเตอร์ไซค์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบคัสตอมไบค์สไตล์อิตาลี ซึ่งล้วนได้รับการวิจัยและพัฒนามาอย่างดี
โดยคำนึงถึงการใช้งานของผู้ขับขี่เป็นหลัก พร้อมด้วยคุณภาพการผลิตขั้นสูงที่มีการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องยนต์รวมถึงฝีมือช่างอันยอดเยี่ยมที่เน้นรายละเอียดในทุกสัดส่วน ทำให้โมโต กุซซี่ สามารถครองใจบรรดา “กุซซิสตี” ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย

“บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า “เอพริลเลีย” และ “โมโต กุซซี่” จะได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากผู้ที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์สไตล์ดังกล่าว โดยสามารถพบกับการเปิดรถอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยของทั้งสองแบรนด์ได้ในงาน Motor Expo 2016 นี้ พร้อมด้วยรถมอเตอร์ไซค์พรีเมี่ยมอีกหลายรุ่นที่มากับโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย ได้ที่บูธ G 01 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคมนี้”

ภายหลังงาน Motor Expo 2016 ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมและสัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิดได้ที่แฟลกชิปสโตร์ของเอพริลเลีย และโมโต กุซซี่ ณ เอ สแควร์ สุขุมวิท 26 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 เป็นต้นไป