Husqvarna TX 300 2017  “ไม้เด็ดสายพันธุ์ออสเตรีย”

Husqvarna TX 300 2017

เครื่องยนต์ : 2 จังหวะ สูบเดี่ยว

ระบบระบายความร้อน : อากาศ

ขนาดความจุ : 293.2 ซีซี.

กระบอกสูบ x ระยะชัก : 72 x 72 มม.

จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : ใช้คาร์บูเรเตอร์ ทำงานร่วมกับรีดวาล์ว

เกียร์ : แบบธรรมดา 6 สปีด

ระบบคลัทช์ : คลัทช์เปียกสั่งงานด้วยสายสลิง

สตาร์ทเครื่องด้วย : ระบบคันสตาร์ทเท้า

ขับเคลื่อนด้วย : โซ่/สเตอร์

ถังเชื้อเพลิงจุได้ : 10 ลิตร

ระยะห่างฐานล้อ : 1,485 มม.

ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ : 360 มม.

ความสูงจากพื้นถึงเบาะนั่ง : 960 มม.

ชิ้นงานบอดี้พาร์ท 16 ชิ้น
– การ์ดกันช็อคอับเป็นปลอกยาง
– บังโคลนหน้า/หลัง
– การ์ดแฮนด์
– นวมกันกระแทกคานแฮนด์
– แป้นเบอร์/หน้า
– ปีกหม้อน้ำ
– ถังเชื้อเพลิง
– การ์ดรังผึ้ง
– เบาะนั่ง
– บังโคลนหลัง
– ตัวดันโซ่หน้าสเตอร์หลัง
– และการ์ดกันเฟรมบริเวณพักเท้า

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า หัวกลับ WP ขนาด 48 มม. ผิวแกนเคลือบด้วยยฮาร์ดโครเมี่ยม ปรับตั้งค่าได้ตามค่าความกระด้างและจังหวะช้า/เร็วในการคืนตัว ระยะทำงาน 310 มม.
– ด้านหลัง ช็อคอับเดี่ยว พ่วงด้วยกระปุกซับแท้งค์ ระยะทำงาน 300 มม.

ระบบเบรก
– ด้านหน้า จานเบรกเดี่ยวชนิดกึ่งให้ตัวได้ ขนาด 260 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ สั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิค
– ด้านหลัง เป็นจานเดี่ยวตายตัว ขนาด 220 มม. คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ

แม้ว่าทุกวันนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัทนี้แต่ยังคงใช้ชื่อ Husqvarna โดยในวันนี้จะขอดึงเอาตัวแข่งปี 2017 ที่ใช้ชื่อว่า TX 300 มาเสนอกันสักหน่อย ต้นสังกัดยังคงผลิตและใช้งานเครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะ ในขณะที่ผู้ผลิตจากญี่ปุ่นเริ่มลามือจากกลิ่นควัน แต่ Husqvarna ยังเดินหน้าผลิตต่อ

ขอบคุณภาพจาก www.husqvarna-motorcycles.com

SHERCO 450 SEF-R Factory  “สายฝุ่นเมดอินฝรั่งเศส”

SHERCO 450 SEF-R Factory

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ ลูกสูบเดียว DOHX

ระบบระบายความร้อน : น้ำ

ขนาดความจุ : 449.4 ซีซี.

กระบอกสูบ x ระยะชัก : 95 x 63.4 มม.

จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : ระบบหัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์

ขนาดลิ้นเลื่อน : 44 มม.

เกียร์ : แบบธรรมดา 6 สปีด

ระบบคลัทช์ : คลัทช์เปียกสั่งงานด้วยสายสลิง

สตาร์ทเครื่องด้วย : ระบบไฟฟ้า

ขับเคลื่อนด้วย : โซ่/สเตอร์

ถังเชื้อเพลิงจุได้ : 8.5 ลิตร

ระยะห่างฐานล้อ : 1,490 มม. +/- 10 มม.

ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ : 355 มม.

ความสูงจากพื้นถึงเบาะนั่ง : 950 มม.

น้ำหนักรวม : 109 กก.

โครงสร้างเฟรม : ทำจากโมลิบดินั่ม คุณสมบัติเบาและทนทานต่อแรงกระแทก

สวิงอาร์ม : อะลูมิเนียมแขนคู่

ชิ้นงานบอดี้พาร์ท 16 ชิ้น
– การ์ดกันช็อคอับด้านหน้า ซ้าย/ขวา
– บังโคลนหน้า/หลัง
– ครอบไฟหน้า
– การ์ดแฮนด์ซ้าย/ขวา
– แป้นเบอร์ด้านหลัง ซ้าย/ขวา
– ปีกหม้อน้ำซ้าย/ขวา
– ถังน้ำมันเชื้อเพลิง
– แป้นเบอร์ด้านหลัง ซ้าย/ขวา
– เบาะนั่ง
– บังโคลนหน้า/หลัง
– การ์ดเครื่อง
– การ์ดครอบเฟรมและตัวดันโซ่

วงล้อ/ยาง
– หน้า อะลูมิเนี่ยม ขนาด 1.60 x 21 / ขนาด ยาง 80/100-21 นิ้ว
– หลัง อะลูมิเนี่ยม ขนาด 2.15 x 18 / ขนาด ยาง 110/90-18 นิ้ว

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า หัวกลับ WP  4860 MXMA ขนาด 48 มม. ผิวแกนเคลือบด้วยยฮาร์ดโครเมี่ยม ปรับตั้งค่าได้ตามค่าความกระด้างและจังหวะช้า/เร็วในการคืนตัว ระยะการทำงาน 300 มม.
– ด้านหลัง ช็อคอับเดี่ยว WP ระยะการทำงาน 330 มม.

ระบบเบรก
– ด้านหน้า จานเบรกเดี่ยว ขนาด 260 มม. คาลิเปอร์ BREMBO 2 ลูกสูบ สั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิค
– ด้านหลัง จานเบรกเดี่ยว ขนาด 220 มม. คาลิเปอร์ BREMBO 1 ลูกสูบ สั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิค

ชื่อ SHERCO น่าไม่ค่อยคุ้นหูหนักในบ้านเรา แต่ในยุโรปหรืออเมริกา เรียกว่าเป็นรถอันดับต้นๆ สายฝุ่นเลยก็ว่าได้ จากฐานการผลิตในฝรั่งเศส SHERCO แตกไลน์รถเอนดูโร่ออกมาหลายรุ่นทั้ง 125, 250, 300, 450 และมีทั้งเครื่อง 2 จังหวะและ 4 จังหวะ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชื่นชมชอบรถในสไตล์นี้และยังส่งรถเข้าร่วมแข่งขันเอนดูโร่ระดับโลกมาแล้วมากมาย มาในปีนี้ได้ส่งไม้เด็ดอย่าง SHERCO 450 SEF-R Factory 2016 เข้าร่วมการแข่งขันเหมือนเช่นเคย

ขอบคุณภาพจาก www.sherco.com.au

Honda เอาใจวัยรุ่น เปิดตัวสกู๊ปปี้ไอ โดโมะคุง ลิมิเต็ด อิดิชั่น จำนวนจำกัด 2,000 คันเท่านั้น

แบรนด์รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เอาใจสาวกแอนิเมชั่นญี่ปุ่นด้วยการเปิดตัวรถแฟชั่นเอ.ที.รุ่นพิเศษ ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ โดโมะคุง ลิมิเต็ด อิดิชั่น ลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่น ส่งมอบคาแรกเตอร์สดใสของโดโมะคุงซึ่งเป็นมาสคอตชื่อดังของญี่ปุ่น วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยเปิดเผยว่า “ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอถือว่าเป็นรถแฟชั่นเอ.ที.ที่วัยรุ่นให้การยอมรับมากที่สุด นอกจากขับขี่สนุกปลอดภัย และประหยัดน้ำมันแล้ว ดีไซน์ของรถยังมีความร่วมสมัยจากไอเดียใหม่ๆที่เรานำเสนออย่างต่อเนื่อง เพราะแฟชั่นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ครั้งนี้เราได้นำโดโมะคุงซึ่งเป็นตัวการ์ตูนยอดฮิตของญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลกมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอรุ่นพิเศษซึ่งจะถูกผลิตในรูปแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบคาแรกเตอร์ป่วนซนปนซ่าของโดโมะคุงหรือผู้ที่ชอบแอนิเมชั่นจากญี่ปุ่นได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ”

ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอโดโมะคุงลิมิเต็ดอิดิชั่น (Honda Scoopy i Domo-kun Limited Edition) โดดเด่นด้วยกราฟิกโดโมะคุงที่กำลังสนุกสนานกับสายฝนและหิมะ ลงตัวกับรูปทรงสไตล์วินเทจสีแดงดำ เท่ด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมวงแหวนบลูริง เรือนไมล์แบบมัลติมิเตอร์สดใสไม่เหมือนใคร พร้อมกล่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ถึง 15.4 ลิตร สนุกกับการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะขนาด 110cc ระบบหัวฉีด PGM-FI เวอร์ชันล่าสุดที่ให้แรงบิดเต็มพลังแต่ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 53 กม./ลิตร (วัตตามมาตรฐาน สมอ. Mode ECE R40 ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก) มีค่าไอเสียที่สะอาดถึงระดับ 6 และรองรับน้ำมัน E20 อีกด้วย

สำหรับโดโมะคุงถือเป็นตัวการ์ตูนที่มีชื่อเสียงมากในประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นจากคาแรกเตอร์สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนก้อนขนมปังสีน้ำตาล อ้าปากโชว์ซี่ฟันแหลมๆอยู่ตลอดเวลาแต่กลับมีนิสัยขี้เล่น ใสซื่อเหมือนเด็ก ถือกำเนิดขึ้นในปี 1999 ในรูปแบบแอนิเมชั่นเพื่อเป็นมาสคอตประจำสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น ก่อนจะโด่งดังไปทั่วโลกในเวลาต่อมา

เอ.พี. ฮอนด้าจะวางจำหน่ายฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอโดโมะคุงลิมิเต็ดอิดิชั่นจำนวนจำกัดเพียง 2,000 คันเท่านั้น เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ศูนย์ Honda Wing Center ด้วยราคาแนะนำที่ 48,400 บาท โดยทุกคันจะมาพร้อมกับลิมิเต็ดไอเท็มเซ็ทประกอบไปด้วยกระเป๋าแบ็คแพ็คและหมวกกันน็อกดีไซน์พิเศษลายโดโมะคุงซึ่งไม่เคยมีจำหน่ายที่ไหนมาก่อน

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.aphonda.co.th และอัพเดทกิจกรรมความสนุกได้ที่ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

ตะวัน ฮอนด้าประสิทธิ์มอเตอร์สระแก้ว ทำได้!! บิดซิวแชมป์ CBR 300R ศึก A.P. Honda Racing Championship ที่สนามพีระฯ

ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล นักบิดหนุ่มจากทีม ฮอนด้าประสิทธิ์มอเตอร์สระแก้ว สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น สร้างผลงานยอดเยี่ยมออกตัวจาก โพล โพซิชั่น ก่อนคว้าแชมป์ CBR300R Thailand Dream Cup ได้สำเร็จตามที่ตั้งใจ ในการแข่งขัน A.P. Honda Racing Championship รอบชิงชนะเลิศสนามที่ 5 ที่สนาม พีระ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

ศึกรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ A.P. Honda Racing Championship ฤดูกาล 2016 สนามที่ 5 ของปี ณ สนาม พีระ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต เมืองพัทยา จ.ชลบุรี วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2559 เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ โดยร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ได้ส่งนักบิดสายเลือดใหม่ลงแข่งขันด้วยกันสาม รุ่นคือ Honda CBR300R Thailand Dream Cup ทั้งดิวิชั่น 1 , ดิวิชั่น 2 และรุ่น MX125SF Super Challenge และบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ที่คัดเลือกนักแข่งเด็กฝีมือเยี่ยมมาลงแข่งขันในรุ่น Moto-3 Thailand Talent Cup เพื่อผลักดันไปสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติต่อไป

เริ่มกันที่รุ่นของ CBR300R Thailand Dream Cup Division 1 แข่งทั้งหมด 8 รอบสนาม สิ้นสัญญาณไฟ ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล หมายเลข 69 จากทีม ฮอนด้าประสิทธิ์มอเตอร์สระแก้ว สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ออกตัวจาก โพล โพซิชั่น ทว่าพลาดถูก ประวิทย์ คำแดงสด หมายเลข 888 จาก ศรีสมบูรณ์ เรซซิ่ง ทีม ชิงจังหวะแซงขึ้นมานำได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ช่วงสุดท้ายกลายเป็น ตะวัน ที่หาจังหวะแซงคืนปาดเข้าเส้นชัยไปแบบสุดมัน ด้วยเวลา 9 นาที 50.493 วินาที ส่งให้ ประวิทย์ ได้เพียงรองแชมป์ ส่วนที่ 3 คือ อดิศักดิ์ หลงหา หมายเลข 91 จาก Arkom Racing Team แต่ด้านตารางคะแนนรวม ประวิทย์ ยังคงนำเป็นจ่าฝูงอยู่มีทั้งหมด 94 แต้ม

ขณะที่ CBR300R Thailand Dream Cup Division 2 แข่ง 8 รอบสนามเช่นกัน เรซนี้ขับเคี่ยวกันสนุกสูสี ก่อนที่ วัชรา ณะระชา หมายเลข 62 จากทีม Sahapanich Chiengmai Team จะได้แชมป์ไปครองด้วยเวลา 10 นาที 05.529 วินาที ตามด้วยที่ 2 พิทักษ์พงศ์ ศรีเทพ หมายเลข 50 จากทีม Trang Motorcycle Racing Team และที่ 3 คือ วีระภพ กันทะชัย หมายเลข 33 จากทีม Taveesup Racing Team เจ้าของ โพล โพซิชั่น พลาดแชมป์น่าเสียดาย และผลดังกล่าวก็ทำให้ตอนนี้ พิทักษ์พงษ์ รักษาตำแหน่งจ่าฝูงของรุ่นนี้ได้ต่อไป โดยเก็บเพิ่มเป็น 87 แต้ม

ต่อมาเป็นรุ่นของ MX125SF Super Challenge ดวลกัน 8 รอบสนาม ปรากฏว่าเรซนี้ผู้ชนะคือ พงศา รุ่งเรือง หมายเลข 99 จาก พรนุภาพ ทีม ที่ออกตัวจาก โพล โพซิชั่น และอัดความเร็วสู้จนคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ด้วยเวลา 11 นาที 42.374 วินาที ตามด้วยอันดับ 2 ณภัทร แสงสุวรรณ หมายเลข 69 จาก ฮอนด้าประสิทธิ์มอเตอร์สระแก้ว สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น และอันดับ 3 คือ ณัฐกร อุดรนคร หมายเลข 49 จาก หนุ่ย เรซซิ่ง โปรเจ็ค ส่วนตารางคะแนน ณภัทร เก็บเพิ่มเป็น 89 แต้ม รั้งอันดับ 1 เช่นเคย

ปิดท้ายด้วยรุ่น Moto-3 Thailand Talent Cup แข่ง 8 รอบสนาม ปรากฏว่าแชมป์ของสนามนี้ตกเป็นของ ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ หมายเลข 5 ที่เข้าป้ายก่อนใครด้วยเวลา 9 นาที 01.067 วินาที ตามด้วยอันดับ 2 เป็นของ กฤชพร แก้วสนธิ และที่ 3 คือ สิทธิพร ศรีมูลตรี หมายเลข 8 ที่พลาดหยิบแชมป์จาก โพล โพซิชั่น แบบน่าเสียดาย

สำหรับการแข่งขัน A.P. Honda Racing Championship จากนี้จะทำการแข่งขันกันต่อในสนามที่ 6 ที่ ไทยแลนด์ เซอร์กิต นครชัยศรี ระหว่างวันที่ 19-20 พฤศจิกายนนี้ โดยแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทยสามารถติดตามผลการแข่งขันและข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆของรายการนี้ได้ทางเว็บไซต์ www.aphondaracingthailand.com

เที่ยวคนเดียวก็เฟี้ยวได้ BY YAMAHA N-MAX  

สวัสดีครับเพื่อนๆ 9CARTHAI ทุกคน วันนี้ทางเรามีทริปเล็กๆในการท่องเที่ยวซึ่งในวันนี้เราจะพาเพื่อนทุกคนไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยใช้ YAMAHA N-MAX ยานพาหนะที่มี CC ที่ไม่มาก ซึ่งในภาพรวมหลายๆคนอาจจะมองว่าการที่เราจะออกทริปหรือท่องเที่ยว ตามวิถี BIKER เราต้องมีรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ๆ หรือที่ทุกคนรู้จักและเรียกกันติดปากว่า BIGBIKE นั้นแหละครับ แต่วันนี้ทางเราจะพาเพื่อนๆทุกคนมารู้จักกับวิถี BIKER แท้จริงแล้ว ทีมี 150 CC จะไปได้สะดวกแค่ไหน มาติดตามหัวใจหลักของการท่องเที่ยว BY YAMAHA N-MAX จากข้อมูลด้านล่างได้เลยครับ

ฉะเชิงเทรา เป็นอีกหนึ่งในจังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็น “ปริมณฑล” ตั้งอยู่ห่างจากบางกอกไปเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร ฉะเชิงเทรา ที่หลายๆคน คิดถึงตลาดน้ำโบราณ ที่เป็นไปตามบริบทของเมืองที่ล้อมรอบด้วยพื้นที่ลุ่มน้ำบางประกงไม่ว่าคุณจะคิดถึงฉะเชิงเทราในมุมไหน ตามเรามา RIDE NOW คุณอาจพบกับฉะเชิงเทราในบางมุมที่คุณเคยคุ้น และ คุณอาจได้รู้จักฉะเชิงเทรามากขึ้นจากบางมุมที่คุณยังไม่คุ้นเคย แม้จะมีเวลาเพียงหนึ่งวัน แม้จะไม่ได้เน้นว่าจะต้องท่องเที่ยวให้ได้มากสถานที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปริมาณความสุขที่ได้จะมีน้อย..หรือไม่ เพียงใด เที่ยวไปด้วย บ่นไปด้วย ชิมไปด้วย ตบท้ายด้วยฟิลลิ่งของการขับขี่ตามประสา RIDE NOW

ทริปนี้…เหตุเกิดจากการลากเส้นทางเล่นในgoogle map ไล่ไปไล่มา ก็ไปสะดุดตาแถวๆพนัสนิคม กับอ่างเก็บน้ำชื่อหนึ่ง ซึ่งไปตรงกับชื่อจริงชื่อเก่า อ๊ะ แปลกตาดีนี่ (ปกติชื่อเก่าผมนี่ก็หาคนซ้ำยากนะ) มีอ่างเก็บน้ำชื่อนี้ด้วยเหรอนี่

เอ๊ะ….ขึ้นว่าเป็นอ่างเก็บน้ำ แต่ทำไมในแผนที่ไม่แสดงเป็นสีฟ้าอ่อนแบบแหล่งน้ำ

ไหนดูอีกแบบสิ…ก็ยังไม่เห็นน้ำ ตกลงว่ามันมีน้ำไหมเนี่ย???

ลองไปขุดข้อมูลดู http://kromchol.rid.go.th/lproject/lsp08/2014/ อ่อ…ตอนที่ Google map ทำแผนที่ฉบับปัจจุบัน ยังไม่ได้ up date ข้อมูลที่นี่ ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะถือว่าเป็นอ่างเก็บน้ำน้องใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จสดๆเมื่อไม่นานมานี้เอง อะห๊าาาา เข้าทาง!! ชอบอยู่แล้ว ที่ๆยังไม่ค่อยมีข้อมูลเนี่ย

ลองค้นๆดูรูป ก็เริ่มจะพอมีบ้างแล้วละ แต่ค้นดูรีวิวใน pantip ก็เจอกระทู้นึง แต่ตอนนั้นยังสร้างไม่เสร็จดี เอาล่ะ งั้นไป up date สักหน่อยก็แล้วกันน่า

หาข้อมูลเสร็จ …เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ก็หารถไปลองขี่เพื่อหาข้อมูลรถไปด้วยก็แล้วกัน ก็ตามประสา RIDE NOW นะครับท่านผู้ชม
YAMAHA NMAX ฉันเลือกนาย!!!

วางแผนเรียบร้อยว่าจะไปไหนบ้าง….และวันเดินทาง ก็ธรรมดาของนักเดินทางในฤดูฝน ล้างรถมาดีแค่ไหน สุดท้ายก็เละครับท่านผู้ชม เช้ามาออกจากมีนบุรีมาได้ไม่เท่าไร เอาแค่แถวๆหนองจอกฝนก็เริ่มโปรยละอองเบาๆมาแล้วจ้า แวะเติมถังแรกซะหน่อย

ขี่ออกไปได้อีกนิด ก็แวะอีกหน่อย จริงๆคือตั้งใจจะลองแวะเข้าไปตลาดโบราณนครเนื่องเขต แต่ดันเข้าผิดซอย แต่ยังกำไรที่ได้ทุ่งข้าวเขียวมาตัดกับสีแดงของ N-MAX เข้ากันพอดี

ชิลมาก แวะอีกแล้ว อ้าวววว วันนี้ร้านปิด อดคุ้ยของเล่นเลย

วันนั้นสารภาพเลยว่าเป็นวันที่ขี่รถแบบชิลๆมากวันหนึ่งในชีวิต คืออยากจะลองใช้ความเร็วปกติที่ชาวบ้านทั่วๆไปเขาใช้กันในชีวิตประจำวัน 60-80 km/h เสียส่วนมาก เพราะย่ามใจว่า เอ้ยยยย ใกล้บางกอกแค่นี้เอง (เดี๋ยวก็รู้ อิอิ)

ณ จุดๆนี้ หลายคนเลี้ยวไปคนละทาง เอาเป็นว่าถ้าจะไปพนัสนิคม เราแนะนำให้เลือกทางสายกลาง คือ เข้าไปในเมืองฉะเชิงเทราแล้วไปออกตรงแยกคอมเพล็กซ์จะดีกว่านะ เพราะถนนเลี่ยงเมืองแถวนี้รถบรรทุกเพียบเลย

จากตรงนี้จะเริ่มบอกทางเข้าอ่างเก็บน้ำกันแล้ว เพราะถ้าให้ google map นำ มันหลายเส้นทางเหลือเกิน ดังนั้น…เราจะไปทางที่ Google map ไม่ได้แนะนำกัน…อ้าววว 555 ง่ายๆไม่ทำ ไปทำให้มันยากเสียอย่างนั้น แต่เอาจริงๆแล้วไม่ยากนะ เพราะแทบจะมีป้ายบอกทางตลอด ทั้งๆที่ google map ก็ไม่ได้แนะนำให้มาทางนี้นะ สรุปแล้วก็ยังงงว่า เวลาเดินทางเราควรจะเชื่ออะไรดี เชื่อแผนที่กระดาษ เชื่อ google map หรือ…เชื่อสัญชาติญานของเราเอง….

ง่ายๆเลย วิ่งมาให้ถึงตัวอำเภอพนัสนิคม มองซ้ายไว้ เดี๋ยวก็จะเจอป้ายบอกแบบนี้

ขี่มาต่อจนถึงสามแยกนี้ สังเกตซ้ายมือจะมีเซเว่น

เลี้ยวซ้ายฟ๊าบบบ เข้าไป ตรงไปอีกนิดก็จะเจอสามแยกนี้ ให้เลี้ยวขวานะ

ตรงมาอีกสักประมาณสี่กิโลเมตรก็จะเจอแยกอีก คราวนี้เลี้ยวซ้ายแล้วตรงยาวๆไปชน 331 แล้วก็ตรงข้ามถนน331ไปอีก เดี๋ยวก็เจอ อิอิ

มาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง เพราะดูจากการเกาะตัวของกลุ่มเมฆแล้ว พร้อมจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ ขึ้นไปริมอ่างเก็บน้ำรัชโลทรกันเลยดีกว่า มาวันธรรมดา เงียบกริบ สงบดีจริง

มองลงไปด้านล่าง จะมีคล้ายหาดสำหรับเล่นน้ำได้อยู่ ลองลงไปส่องกัน

จะมีเพิงชั่วคราวสำหรับให้บริการนั่งหลบแดด

อัตราค่าบริการต่างๆ

หามุมเงียบสงบแบบนี้ หามุมถ่ายรูปเล่นก็ดีนะ ไม่ต้องเขินสายตาใครดี แต่เสียดายที่ฟ้าวันนั้นไม่ค่อยเป็นใจ สีตุ่นๆทั้งวันเลย

น้ำใสใช้ได้ วันหยุดคงมีนักท่องเที่ยวมาเล่นกันสนุกเลย

ถ่ายเล่นจนเลยเที่ยง ไปอุดหนุนชาวบ้านที่มาขายของสักหน่อย รสชาดโอเคอยู่นะ ที่สำคัญคือได้อุดหนุนคนพื้นที่นี่แหละ

มีโต๊ะให้นั่งกินได้ตามอัธยาศัย

นั่งกินได้แปบเดียว ยานแม่ถล่มจ้า เลยจำยอมต้องไปเผ่นไปนั่งในร้านกาแฟ จึงจำเป็นต้องอุดหนุนสักแก้ว

ฝนหยุดแล้ว เล็งตรงสันเขื่อนเอาไว้ ไปถ่ายรูปเล่นกันดีกว่า ป่ะ

สปิลเวย์ที่นี่ดูอลังการใช้ได้เลย

ถนนสันเขื่อนราดยางมะตอยอย่างดี เป๊ะมากๆ ความยาวของถนนสันเขื่อนดูแล้วมีไม่ต่ำกว่า 3 กิโลเมตร

ออกจากอ่างเก็บน้ำรัชโลทร ท้องก็เริ่มหิว แน่นอนว่าตอนขี่มาก็มีร้านที่ล๊อคเป้าเอาไว้แล้ว มาดูกันสิว่าเรดาห์จะแสกนพลาดไหม

ดูจากลีลาการปรุงแล้ว เข้าขั้นจอมยุทธ์

อื้อหืมมมมมม ไม่ผิดหวัง และเกินความคาดหวัง สำหรับบะหมี่แห้งเป็ดย่าง ให้ 10/10 บวกคะแนนพิเศษให้อีกหนึ่งคะแนนสำหรับความหอมของเครื่องปรุง

ร้านหาไม่ยาก วิ่งกลับทางเดิมขามาลงจากเขื่อนมาเรื่อยๆประมาณสัก 5 กิโลเมตร มองซ้ายมือเอาไว้ให้ดีนะจ๊ะ มาตรฐาน [RIDE EAT] ชวนชิมเลยจ้า

ถ้าไม่บอกคงไม่มีใครรู้ ผมเป็นลูกหลวงพ่อโสธรนะครับ แวะไหว้พ่อสักหน่อย

เข้าไปก็ประมาณห้าโมงเย็น เจ้าหน้าที่กำลังจะปิดวิหารพอดี ดีนะยังมาทัน (ในรูปจะเห็นว่ากำลังเก็บตู้รับบริจาค)
ใครอ่านกระทู้นี้ ใครกดโหวตคะแนน ใครกดแชร์ ขอให้รวยๆๆ เฮงๆๆ ไม่เจ็บไม่จน สาธุ๊!!!

ออกจากวิหารหลวงพ่อโสธรมา ฟ้ายังไม่มืด เวลายังพอเหลือ ไหว้พระพุทธกันแล้ว ก็ต้องไปไหว้เทพเสียหน่อย ส่วนตัวโดยชื่อเล่นของเจ้าของกระทู้ใครพอรู้เรื่องศาสนาพรามณ์อาจสะกิดนิดๆว่ามีความเกี่ยวพันกับความเชื่อของศาสนาพรามณ์ มาถึงฉะเชิงเทราก็มีวัดสมานที่ขึ้นชื่อว่ามีพระพิฆเนศวรขนาดใหญ่ ศิษย์มีครูแบบเราจะให้พลาดได้อย่างไร

โอม ศรีคเณศายะ นะมะฮา โอม ศรีคเณศายะ นะมะฮา โอม ศรีคเณศายะ นะมะฮา

วัดสมานอยู่ติดกับแม่น้ำบางประกง เหมาะแก่การนั่งชิลๆกินลมช่วงเย็นๆเลยนะ ดูทรงแล้ว ลอยกระทงที่นี่คงอลังการไม่เบา

ที่วัดสมานมีร้านกาแฟป่าดงดิบที่เป็นสาขาแรกที่วัดดำเนินการเองด้วยนะ รายได้ของร้านนี้เข้าวัดจ้า

ขี่ออกมาจากวัดได้สักหน่อย…ยานแม่ถล่มอีกรอบจ้า รอบนี้อย่างหนักเลย

เอากล้องกับขาตั้งใส่ไว้ช่องเก็บของใต้เบาะได้เลย ไม่ต้องห่วงว่าจะเปียก สะดวกดีก็ตรงนี้แหละ จากนั้นก็ขี่ลุยฝนไปเรื่อย กว่าจะถึงกรุงเทพก็เปียกปอนยับเยินกันตามท้องเรื่อง

ทริปนี้ขี่ไป-กลับ บางกอก>แปดริ้ว>บางกอก ใช้น้ำมันไปถังหนึงโดยประมาณ ด้วยปริมาณตามที่เห็น

และนี่ก็คือระยะทางที่ทำได้ หลังจากที่ไฟเตือนน้ำมันขีดสุดท้ายกระพริบ (ที่ความเร็วเฉลี่ยไม่เกิน 70 km/h)

มาว่ากันที่เรื่องตัวรถ YAMAHA N-MAX ที่ยืมมาทดสอบในรอบนี้กันสักเรื่อง หนึ่งในความดีงามที่ให้ติดรถมาด้วยก็คือ ดิสก์เบรกหน้าและหลัง ที่มาพร้อมกับระบบ ABS ได้มาเหลาในรอบนี้เพราะดันได้ใช้งานเจ้าระบบABSในรอบนี้เสียด้วย ขากลับจากแปดริ้วมาบางกอก ฝนก็ตกตลอดทางอย่างที่เห็น ไฟหน้าติดรถก็ทำงานในช่วงฝนตกได้ดีประมาณหนึ่ง ท่ามกลางความมืดและเม็ดฝนโปรยปราย สายตาก็ได้ไปจับกับวัตถุสิ่งหนึ่งบนถนน ซึ่งก็คือไม้พาเลทท่อนโต ขวางทางอยู่ในระยะที่สมองประเมินแล้วว่าไม่ควรหลบ ถ้าหลบอาจกลิ้งอย่างรุนแรง แต่ต้องลดความเร็วของรถลงให้ได้มากที่สุดก่อนที่ล้อหน้าจะปะทะ…

ร่างกายทุกส่วนทำงานโดยอัตโนมัติตามที่ฝึกฝนมาจากหลากหลายสำนัก (โม้ปะ) กดเบรกหน้าหลังให้ทำงานอย่างเต็มที่เท่าที่สภาพแวดล้อมจะอำนวย กดจนมีเสียงดังกึ่ดๆๆๆเป็นจังหวะเบาๆที่ล้ออย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ของมันก็คือสามารถลดความเร็วลงได้และไม่เสียการทรงตัว ความเร็วที่ลดลงก่อนที่ล้อหน้าจะปะทะสิ่งกีดขวางเพียงพอที่จะปะทะแล้วแม้รถจะเสียการทรงตัวไปบ้าง (ลอยจากพื้นประมาณหนึ่ง) แต่ก็ยังประคองไว้ไม่ให้ล้มลงไปจับกบกลางถนนได้ รอดมาได้นี่แอบกรี๊ดเบาๆในหมวกเลยล่ะพ่อคุณเอ้ยยยย

สำหรับทริปวันเดียวก็เหลากันประมาณนี้ก่อน จะเหลาที่เหลือแบบยาวๆกันในทริปถัดไปที่ได้พาเจ้า N-MAX ไปร่อนค้างคืนไม่ใกล้ไม่ไกลจากบางกอก สำหรับรอบนี้ ขอบพระคุณที่ติดตามรับชมจนจบกระทู้

ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพ คุณ สมัญตาชีวบุตรomega13 จาก WWW.PANTIP.COM

DUCATI SCRAMBLER CUSTOM “คลาสสิคสายหล่อ”

DUCATI SCRAMBLER CUSTOM

สำนักแต่ง : DOWN & OUT’S

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 2 ลูกสูบ

ระบบระบายความร้อน : อากาศ/ด้วยออยคูลเลอร์

ระบบเกียร์ : เกียร์ธรรมดา 6 สปีด

ระบบขับเคลื่อน :โซ่/สเตอร์

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : ด้วยระบบหัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์

แผงคอหน้า : กว้างยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง Fastec Custom Racing

บังโคลนหน้า : ถูกตีขึ้นมาใหม่แบบรูปทรงสั้น

อกไก่ล่าง : ถูกตีขึ้นมาใหม่

แฮนด์ : LSL และตุ๊กตาแฮนด์ D&O

ปลอกแฮนด์ : Billwell Inc สีน้ำตาล

ถังน้ำมัน : ใช้ของเดิม สีคาดลายผลงานจาก Moto Demon Speedshop

เบาะ : จัดทรงใหม่ หุ้มด้วยหนังสีน้ำตาล

ฝาครอบข้าง : ของ D&O

สวิทช์กุญแจ : MOTO GADGET

ไฟหน้า : ทำด้วยตะแกรงครอบเพื่อความดุดัน

ไฟเลี้ยว : แบบ Micro

การ์ดช็อคอับ/ ฝาปิดสายพาน/ แค็บครอบเบรกหน้า/ ที่บังโซ่  : ถูกเปลี่ยนมาเป็น RIZOMA

ท่อไอเสีย : ใช้ท่อสูตรทรงสั้นของ COMPETTITION WERKES

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า อัพไซด์ดาวน์ เคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยม พร้อมการ์ดกันช็อคอับด้านหน้า ซ้าย/ขวา
– ด้านหลัง Öhlins โดยเลือกสริงดำ

วงล้อ/ยาง
– ล้อหน้า ขนาด 17 นิ้ว ใช้ของ D&O พร้อมกับเพาเดอร์โค้ทขอบดำ / ยาง TKC 80 S  180/55-17
– ล้อหลัง ขนาด 17 นิ้ว ใช้ของ D&O พร้อมกับเพาเดอร์โค้ทขอบดำ / ยาง TKC 80 S  180/55-17

ระบบเบรก ABS
– ด้านหน้า ดิสค์เบรคเดี่ยว คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ เรเดียลเมาท์ พร้อม ABS
– ด้านหลัง ดิสค์เบรคเดี่ยว กึ่งตายตัว ขนาด 245 มม.  คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ พร้อม ABS

น้องเล็กสายพันธุ์ลุยของค่ายที่สร้างกระแสทางฝุ่นย้อนยุคไปได้อย่างดีซึ่งในวันนี้ได้รับการปรับโฉมให้มีความดุดันพร้อมกับเติมทีเด็ดใส่ลงไปให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น จากองค์ประกอบหลักที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเค้าโครงเดิมจากโรงงาน ทว่าสิ่งที่ออกมากลับน่าสนใจและให้ความลงตัวเกินคาดที่เหล่าสาวก DUCATI ได้เห็นแล้วต้องหลงใหล

ขอบคุณภาพจาก www.bikeexif.com

BMW R100 CUSTOM “ตัวแรงในอดีต”

BMW R100 CUSTOM

สำนักแต่ง : Federal Moto

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 2 ลูกสูบ เครื่องยนต์แบบ Boxer

ระบบระบายความร้อน : อากาศ

ระบบเกียร์ : เกียร์ธรรมดา 5 สปีด

ระบบขับเคลื่อน : ด้วยเพลา

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : คาร์บูเรเตอร์ MIKUNI VM 34  พร้อมชุดปากแตร ช่วยดูดอากาศให้ได้จำนวนตามต้องการ

หน้ากาก : ถูกทำขึ้นมาใหม่

ไฟหน้า : ทรงกลมครอบด้วยตะแกรงสีดำเพื่อให้มีความสปอร์ตเหมือนตัวแรงในอดีต

เฟรมด้านท้าย : ถูกทำขึ้นมาใหม่ (ท้ายสั้น)

เบาะนั่ง : ถูกทำขึ้นมาใหม่เพื่อให้เข้ารูปกับทรงท้ายสั้น

ไฟท้าย : เป็นไฟ LED โคมขาว โดยฝังแนบติดเข้ากับเบาะนั่ง

มาตรวัด : มาตรวัดดิจิตอล จาก KOSO

แฮนด์ : เปลี่ยนเป็นแฮนด์จับช็อค

ปลอกแฮนด์ : หุ้มหนังกันลื่น จาก KROOKES

สวิทช์แฮนด์ : เปลี่ยนเป็นของ POSH

ประกับคันเร่ง : เปลี่ยนเป็นของ TOMMASELLI

สายเบรค : เปลี่ยนเป็นของ GOODRIDGE

อาร์มหลัง : ถูกตีขึ้นมาใหม่เพื่อความสปอร์ตในการขับขี่

ท่อไอเสีย : ท่อสูตร จาก CONE ENGINEERING

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า เทเลสโคปิค เคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยม
– ด้านหลัง ช็อคอับคู่แบบสปิงติดอยู่บริเวณใต้เบาะ

ยาง
– หน้า/หลัง Avon roadrider

ระบบเบรก ABS
– ด้านหน้า ดิสค์เบรคคู่ คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ
– ด้านหลัง ดรัมเบรค

สำหรับสาวก BMW แล้วหากเข้าข่ายพวกคลั่งคลาสสิคแน่นอนว่าเครื่องยนตฺ์แบบนอนยังคงเป็นสิ่งที่ถวิลหา ทว่าหากเป็นรถ ปีลึกราคาค่าตัวบวกกับอะไหล่ต่างๆ ก็คงหายากจนคนระอา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายๆคนหันมาคบหากับเครื่องนอนยันที่มีอายุอานามไม่มากนัก (ก็ได้) หนึ่งในนั้นก็คือ R100 ที่เรานำมาให้ชมกันในวันนี้ ในคันที่นำมามีของดีที่นำความเก๋ามาผสมเข้ากับความมทันสมัยอย่างลงตัวซึ่งหากคุณไม่กลัวใครกล่าวหาว่าทำแล้วเสียของลองดูสไตล์นี้ดูซักครั้งแล้วจะรู้ว่าอดีตกับปัจจุบันไปด้วยกันได้อย่างไม่มีอะไรติดขัด

ขอบคุณรูปภาพจาก www.bikeexif.com

รีวิว “ข้อดี-ข้อเสีย”  YAMAHA YZF-R3 ดีหรือไม่? 

สวัสดีครับเพื่อนๆ 9CARTHAI ทุกคน วันนี้ทางเรามีข้อมูลและรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของเจ้า YAMAHA YZF-R3 หรือสำหรับคนที่กำลังมองหารถมอเตอร์ไซค์ซึ่งเจ้า YAMAHA YZF-R3 จะตอบโจทย์โดนใจให้ใครหลายคนหรือไม่นั้น เพื่อนมาติดตามจากข้อมูลด้านล่างได้เลยครับ

สวัสดีครับ…. ไม่ได้ตั้งกระทู้ใน Pantip นานมาก ๆ แล้ว วันนี้เป็นวันหยุดหลังจากการสอบกลางภาคของมหาวิทยาลัยของผม จึงมีเวลามานั่งเขียน รีวิวข้อดีข้อเสียของรถรุ่นนี้สักหน่อย จากการที่ผมได้รถคันนี้มาตั้งแต่ วันที่ 18/9/58 จนวันนี้ก็ 1 ปีนิด ๆ ก็ได้ผ่านอะไรมากเยอะเหมือนกันกับการทำโน่นทำนี้ไปเรื่อย เจอปัญหาก็ค่อย ๆ แก้ไขกันไปที่ละจุด เลยอยากเอาแชร์กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ใน Pantip เผื่อจะเป็นแนวทางหรืออาจจะมีคนกำลังสนใจซื้อรถรุ่นนี้จะได้ตัดสินใจว่าตรงกับความต้องการไหม

(รูปรับรถมาวันแรก)
เรื่องแรกที่ผมจะเล่าหน้าจะเป็นเรื่องของการกินน้ำมันแล้วกันเนอะ
เรื่องผมนี้อาจจะต้องบอกก่อนนะครับ เพราะว่าผมนั้นมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าปกติของคนทั่วไปอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ผมมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 160 กิโลกรัม !!! อย่าเพิ่งตกใจกันไป 555 ยังครับ ยังไม่พอ ผมมีคุณแฟนที่น่ารักของผมอีกคนที่ผมค่อยขับไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย คุณแฟนน้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม รวม ๆ กันแล้วหน้าจะประมาณ 220 กิโลกรัม เวลาที่ผมขับ ผมจะใช้ความเร็ว ตั้งแต่ 60 – 150 ในบ้างจังหวะที่ต้องใช้ความเร็ว(วันที่ตื่นสายแล้วคุณแฟนมารอ-*-) โดยเฉลี่ยแล้ว ผมจะเติมน้ำมัน E20 เต็มถัง ถังนึงวิ่งได้ประมาณ 280-300 กิโลเมร/ถัง ถ้าดูจากหน้าปัดที่บอกค่าเฉลี่ยไว้ จะขึ้นประมาณ 20-25 กิโลเมตรต่อ 1 ลิตร ก็ถือว่าพอรับได้ครับ สำหรับเครื่องยนต์ 321 cc

เรื่องที่สอง หน้าจะเป็นเรื่องการขับขี่
เรื่องนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกันครับ พอผมได้รับรถมาวันแรก ผมก็ได้ทำการหัดขับอยู่สองสามวัน จนขับชินแล้ว ก็เอาไปมหาวิทยาลัยเลย ไม่ได้บ้าของใหม่อะไรหรอกครับ คือขายคันเก่าไปแล้ว แล้วมาออกคันใหม่ ต่อให้มันไม่ชินก็ต้องขับไปอยู่ดีเพราะไม่มีรถให้ขับแล้วในบ้าน 555 เป็นครั้งแรกที่ได้ขับยาว ๆ จากถนนสวนผัก (แถวๆกรมการขนส่ง) ไปถึง มจพ. ทำให้รู้ว่า รถมันนิ่งดีนะ ทำความเร็วได้ดีกว่าคันเก่ามาก ^^ ชอบเลย แต่ปัญหาก็มีครับ คือมือผมนี้ชามาก ๆ ตอนแรกผมก็คิดนะว่า เพราะเราต้องก้มขับ ไม่เหมือน Nouvo SX คันเก่าที่ขับชิว ๆ และอาจจะเป็นการจับแฮนด์ผิดวิธีด้วย ก็ไปเรียนขับขี่ปลอดภัย เค้าก็สอนผมนะว่าจับแบบนี้นะ เราก็จับ แต่ก็ยังไม่หายชา จึงได้ไปปรึกษาพี่ช่างที่เป็นช่างประจำศูนย์ที่ออกรถมา ช่างบอกว่า ลองวิธีนี้ดูไหม คือการโหลดหน้าลง 1 นิ้ว หน้าจะดีขึ้น ผมก็เอาสิ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว หลังจากการทำโหลดหน้าลงมา 1 นิ้ว ผลที่ได้ออกมาคือ มันนิ่งสนิทเลยครับ จากที่มือชา ๆ กันหายไปหมดเลย แล้วตัวรถก็นิ่งขึ้นมาก ๆ ในความเร็วสูง ๆ ก็แปลกใจเหมือนกันครับว่าแค่โหลดหน้าลงมาเนี่ยนะ ทำให้หายหมดเลย

แต่ครับแต่ การโหลดหน้าลงมามันเหมาะสำหรับคนตัวเบา ๆ ไอ้ตัวผมนี้ก็หนัก ยิ่งมีคุณแฟนที่น่ารักของผมอีกคน เลยทำให้ระยะการยุบตัวของโช็คหน้านั้น ลงไปถึงระยะที่ชนกับด้านบนของตัวโช็ค เวลาตกหลุมหรืออะไร จะมีเสียงเหมือนเหล็กตีกันอย่างนั้น เลยต้องทำการแก้ไขครับ ก็ปรึกษาพี่ช่างศูนย์ท่านเดิม พี่ช่างบอกว่า สงสัยต้องเพิ่มน้ำมัน กับค่าความหนืด เอาสิเหมือนเดิมครับ ไม่มีอะไรจะเสีย จะให้ยกหน้าขึ้นเหมือนเดิมแต่มือชาก็ไม่ไหวนะ ไม่มีความสุขกับการขับเลย ผมเลยตัดสินใจครับ ไปซื้อ น้ำมันโช็ค เบอร์ SAE20 เลยที่เค้าบอกว่าหนืดสุด ให้พี่ช่างเปลี่ยนให้ พี่ช่างบอกว่า ปริมาณการเติมเดิม ๆ จากคู่มือ คือ 487cc ต่อ 1 ข้าง พี่ช่างเพิ่มให้เป็น 495 cc ต่อ 1 ข้าง จากการที่ได้เพิ่มค่าความหนืด และ ปริมาณ ทำให้ปัญหาการยุบตัวนั้นหมดไปครับ สบายละทีนี้ เหมือนรถไม่ได้โหลดหน้า ลงหลุมลงบ่อสบายใจเลยงานนี้ ^^


หมดจากโช็คหน้ากันไปแล้ว มาต่อที่โช็คหลังกันบ้าง ต้องบอกเลยครับว่า ของเดิม ๆ ที่ให้ติดรถมานั้นก็นิ่มสะเหลือเกิน 555(เพราะผมคนเดียวหรือป่าว) ขนาดว่าปรับไปถึงระดับที่ 7 ซึ่งเป็นระดับที่แข็งสุดของโช็คติดรถตัวนี้แล้วก็ตาม จะไม่ให้มันนิ่งได้ไง สองคนรวมกัน 220 กิโลกรัม -*- แต่ผมก็ใช้มาเรื่อย ๆ นะครับ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้เปลี่ยน แต่ตอนขับขี่ก็ปกตินะครับยังไม่ถือว่ารับไม่ได้เลย ยังทรงตัวในทางตรง ทางโค้งก็ยังถือว่ารับได้ครับ ไม่ได้แย่จนขี่ไม่ได้ขนาดนั้น แต่ถ้าใครมีงบ ก็จัดเลยครับ เปลี่ยนเถอะดีกว่าเดิมเยอะ จากที่ได้ขับรถของเพื่อนที่เปลี่ยนแล้ว อยากเปลี่ยนบ้างเลย T^T

ต่อไปเรื่องยางที่ติดรถมาให้ ยางมีขนาดที่ 110/70-17 ในด้านหน้า และ 140/70-17 ในด้านหลัง ยางที่ทางYamahaเลือกมาให้นั้นเป็นยี่ห้อ Michelin รุ่น Pilot Street ถ้าให้พูดเรื่องยาง ผมอาจจะบอกได้ว่า ก็ถือว่าโอเคนะ ไม่ได้แย่ขนาดขี่บนน้ำแล้วเป็นงู หรือ เข้าโค้งไม่ได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ฝนตกก็ขับช้าหน่อย ทางโค้งถ้าไม่ชำนาญโค้งนั้นจริง ๆ ก็อย่าเข้าแรง เบา ๆ กันนิดนึง ผมใช้ยางคู่นี้มาตั้งแต่ออกรถ จนวันนี้ก็ยังไม่ได้เปลี่ยน ดูที่ดอกยางแล้วก็ยังเหลืออีกเยอะ แต่สำหรับคนที่มีงบ แนะนำเปลี่ยนเลยก็ดีนะครับ ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวดี ๆ แล้ว เหมือนได้รถอีกคันเลยจากที่ลองขับรถเพื่อนที่เปลี่ยนมาแล้ว

เรื่องกำลังของเครื่องยนต์
ต่อไปเรื่องนี้ บอกก่อนครับอย่าเอาผมเป็นตัววัดมากนัก เพราะผมหนักกว่าคนอื่น ๆ เยอะ 555 ผมบอกอย่างนี้ก่อน เดิม ๆ เลย ตอนที่ไม่ได้ยุ่งอะไรกับรถเลย ท็อปสปีดผมได้ที่ 160…..555555 คนอื่นเค้าออกกันมาวิ่งได้ 180 190 ผม 160 -*- ดีจริง ๆ ก็ทำไงอ่าน้ำหนักเยอะนี้หน่า T^T
เนื่ยแหล่ะครับผมเลยต้องมีการตุกติกกันนิด ๆ หน่อย ๆ รถผมทำอะไรไปบ้าง มาสรุปกันก่อนเดียวผมแยกแต่ละตัวให้ว่าใส่เข้าไปหรือเพิ่มเข้าไปแล้วแตกต่างอย่างไงกันบ้าง
1.น้ำมันเครื่อง
2.กรองอากาศแต่ง
3.หัวเทียนแต่ง
4.จูนกล่องเพิ่มน้ำมัน
5.ใส่สารเคลือบเครื่องยนต์ Omega 909

มาเริ่มที่อันแรก น้ำมันเครื่อง ผมใช้ของศูนย์แล้วรู้สึกไม่ประทับใจเท่าไหร่ จึงได้เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ครับ จนมาหยุดที่ สองตัวนี่ ตัวแรกใส่ตอนมีตังครับ 55+

ตัวนี้ราคาอยู่ที่ป๋องละ 280 บาท
ส่วนอีกตัวใส่ตอนตังหมด 555+

ตัวนี้ราคาอยู่ที่ป๋อง 1 ลิตร 120 บาท ป๋อง 0.8ลิตร อยู่ที่ 110 บาท

จากการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทำให้รู้สึกว่าเครื่องยนต์ไหลลื่นขึ้นครับดีกว่าของศูนย์อ่าในด้านอัตราเร่ง แต่ของศูนย์ตัวใหม่ผมยังไม่ได้ลองนะ กะว่าเดียวเช็ค 20000 กิโล จะเข้าไปลองใช้ของศูนย์ดูครับว่า โอเคไหม เห็นราคาป่องละ 350 มีรูป Rossi ด้วย อิอิ อันนี้ชอบส่วนตัว
อันที่ 2 คือกรองอากาศแต่ง อันนี้ผมได้จากรุ่นพี่ที่รู้จักกันทำให้ครับ เป็นกรองแต่ง DIY ที่บอกได้คำเดียวว่า ใส่แล้วเห็นผลชัดเจนเลย ต้นนี้ดึงเลย กลาง ปลาย ไหลกว่าเดิมครับ ถือว่าพอใจมาก ๆ ถ้าใครอยากชมหน้าตากรองลองเข้าไปที่ Link นี้ครับผมทำไว้เอง ตอนล้างกรอง
https://www.youtube.com/watch?v=2_1K3zvzxGM
อันที่ 3 คือหัวเทียนแต่ง อันนี้บอกนิดนึงครับ เปลี่ยนแล้วมามันไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นแบบเห็นได้ชัดเจน แต่มันเหมือนทำให้เครื่องยนต์นิ่งขึ้น แล้วติดเครื่องติดง่ายขึ้น แต่ก็มีผลด้านอัตราเร่งอยู่บ้างครับแต่ก็น้อยครับ ไม่เหมือนเปลี่ยนกรองอากาศอันนั้นชัดเจน

อันที่ 4 จูนกล่องเพิ่มน้ำมัน อันนี้ก็ถือว่าเด็ดอยู่ครับ ทำให้ต้น กลาง ปลาย นั้น ดึงขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ต้องแลกกันการกินน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากครับ ประมาณ 10-20% แต่แลกมากับความแรงและอัตราเร่งก็ยอมครับ ได้อยู่ ๆ เลยอันนี้
อันที่ 5 ใส่สารเคลือบเครื่องยนต์ Omega 909 อันนี้สิ คือสิ่งที่แปลกใจที่สุด ผมบอกก่อน ผมเป็นคนหัวแข็งมาก ในด้านที่ใครต่อใครบอกว่า ใส่หัวเชื้อสิ ใส่นั้นใส่นี้สิ ผมไม่เชื่ออ่า เพราะผมดูจากหลาย ๆ คนใส่แล้วมันต้องมีผลกระทบด้านใด ด้านหนึ่งแน่ ๆ แต่พอผมได้เห็นจากคนใกล้ตัวหลาย ๆ ต่อหลายท่านใส่ แล้วบอกดีขึ้นมาก แล้วไม่มีผลกระทบ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอก สุดท้ายก็ลอง พอใส่เท่านั้นแหล่ะ คุณพระ!!!! มันเห็นผลจริง!!! จากที่เกียร์เข้ายาก ๆ เครื่องเร่งไม่ขึ้น กินน้ำมัน(กินจากการจูนเพิ่มน้ำมัน) มันได้ผลที่ออกมาเปลี่ยนไปเลย คือ เกียร์เข้าง่ายมาก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผมงงไปเลยจริง ๆ เครื่องเร่งดีขึ้น เสียงเงียบลง เครื่องยนต์ร้อนช้าขึ้น กินน้ำมันน้อยลง(กินน้ำมันเหมือนตอนที่ไม่ได้จูนเพิ่มน้ำมันเลย)

จากการที่ผมได้ทำทั้งหมดนั้น จากที่ผมวิ่งได้สูงสุด 160 นึกภาพง่าย ๆ ว่า จากวงเวียนพระราม 5 จนถึงตีนสะพานพระราม 5 กว่าผมจะได้ 160 ตอนนี้ จากวงเวียนพระราม 5 มาถึงโลตัสพระราม 5 ผมได้ 160 แล้ว พอไปถึงตีนสะพาน ผมได้ที่ 175 เครื่องยนต์ยังไหลได้ต่อ แต่สุดถนนแล้วพอดีกว่า ก็ถือว่าพอใจมากครับ
เรื่องการดูแลรักษา
เรื่องนี้ผมคิดว่า แล้วแต่บุคคลเนอะ ค่าใช่จ่ายก็ขึ้นอยู่ แต่ละท่านว่า ดูแลมากหรือน้อย ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาในคู่มือ ก็จะไม่แพงมาก แต่ถ้าใครเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนนั้นเปลี่ยนนี้บ่อยกว่าในคู่มือบอกก็อาจจะใช้เงินมากขึ้นมาหน่อย ส่วนตัวผมก็มีชุดล้างรถ ดูแลรถตามนี้ ๆ

ผมจะใส่ตัวล้างหัวฉีดทุก ๆ 3000 กิโลเมตร วิธีใส่ก็คือเติมน้ำมันให้เต็มถังเลยครับแล้วใส่ตัวล้างเข้าไปตามนี้เลย


ล้างโซ่ผมล้างทุก ๆ 500-1000กิโลครับ ใช้ ฝาเขียว แล้วน้ำมันเฟืองท้าย เบอร์ 140 หรือไม่ก็ จารบีขาว ไม่ก็ Yamalube ครับ วันไหนสะดวกไหนผมก็ฉีด ๆ ทา ๆ ไป 55+

(สภาพโซ่ที่ใช้งานมาแล้ว 18,000 กว่ากิโลเมตร)
ต่อไปเบรก เบรกผมก็จะใช้ ตัวล้างทำความสะอาดโดยตรงของระบบเบรกครับ ฉีด ๆที่จาน กับตัวผ้าเบรกครับ แต่ผ้าเบรกหลังผมหมดตอนประมาณ 15,000 กิโลเมตรครับ ส่วนหน้ายังอีกนิดหน่อย ผมเลยเปลี่ยนผ้าเบรกหลังเป็นของ RCB ครับ ราคา 150 บาท แต่ได้ยินว่าตอนนี้ปรับราคาขึ้นแล้วแต่ไม่รู้เท่าไหร่ แหม่เสียด้ายตอนนั้นหน้าจะซื้อเก็บไว้อย่างถูก ^^ เบรกดีด้วยนะเหมือนของศูนย์เลย

(สภาพผ้าเบรกเก่าที่ใช้งานมาประมาณ 15,000 กิโลเมตร)
ต่อมา!!! ผมบอกเลย มันคือเรื่องที่ใหญ่ที่สุดของ คนที่ใช้ YZF-R3 5555+ ลูกปืนครัช -*- ผมบอกก่อนนะ ผมยังไม่เคยแตก แต่ผมเปลี่ยนไว้ก่อนแล้ว ^^ มาเล่ากันหน่อยดีกว่า ตอนออกรถอ่า วันที่ไปซื้อรถเลยอ่า มันมีรถที่ลูกปืนแตกที่ยกขึ้นรถยกมาลงที่ศูนย์ที่ผมจะออกพอดีเลย ให้ตายสิ ใจนี้ลุ้นเลยว่า ตรูจะโดนไหม พอวิ่งมาได้สักระยะ ประมาณ 4,000 กว่า ๆ ผมเลยรื้อออกมาเปลี่ยนเองก่อนเลย ไปซื้อลูกปืนที่คลองถม ตัวละ 180 เป็นของ SKF รอบจัด มาเปลี่ยนใส่ ก็วิ่งมายาว ๆ เลย ไม่แตกไม่อะไร ก็รอดแล้ว แต่พอได้ข่าวว่าศูนย์ใหญ่ทำเรื่องให้เครมได้แล้ว ก็เลย จัดการเปลี่ยนอีกรอบให้แน่นอน หลังจากการเปลี่ยนรอบที่สอง ที่เป็นของศูนย์ใหญ่ แล้วสรุปได้ว่า ดีขึ้นครับ หมดห่วงว่าง่าย ๆ 5555 ^^

(พี่ช่างกำลังแกะกล่องที่ส่งมาจากศูนย์ใหญ่)

(หน้าตาของมัน ใหญ่กว่าเดิมอยู่พอสมควร)

(เปลี่ยนสิครับรอไร!!! 555)

(ลาก่อนลูกปืนเก่า)
หน้าจะหมดแล้วละครับ แต่ถ้าใครสงสัยอย่างไง ถามผมในนี้ หรือ หลังไมค์ ก็ได้นะครับ ^^ ถ้าผมรู้เดียวตอบให้เลย
ขอบคุณมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ครับที่อ่านมาจนจบ หวังว่าหน้าจะมีประโยชน์ต่อท่านสมาชิกสักนิดก็ยังดี ^^
ก่อนไปลงรูปรถสะหน่อยดีกว่า ^^

ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพ คุณ นิสิตน้อย จาก WWW.PANTIP.COM

รีวิว STALLIONS TRACKER 150 เที่ยวโดนใจไปให้สุด

สวัสดีครับเพื่อนๆ 9CARTHAI ทุกคน วันนี้ทางเรามีอีกหนึ่งทริปเล็กๆดีๆในการท่องเที่ยวแบบชิวๆ ซึ่งในวันนี้เราจะพาเพื่อนทุกคนมุ่งหน้าไปยัง ห้วยขาแข้ง กับเจ้ายานพาหนะแนวๆ นั้นก็คือเจ้า Stallions Tracker 150 ซึ่งความสนุกและความมันส์กับการขับขี่เจ้า Stallions Tracker 150 จะตอบโจทย์ผู้ที่ชื่อชอบรถสไตล์นี้ได้แค่ใหนไปติดตามจากข้อมูลด้านล่างกันเลยครับ

Ride Now จุดเทียน ต่อใจ ไปห้วยขาแข้ง ร่วมงาน รำลึก26ปี สืบ นาคะเสถียร กับ Stallions Tracker 150
สวัสดีครับ คุณผู้อ่านทุกท่าน
เมื่อช่วงสิ้นเดือนที่ผ่านมา ผมเดินทางไปร่วมงาน รำลึก26ปี สืบ นาคะเสถียร ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
จึงได้ขอยืมรถ Stallions Tracker 150 มาเพื่อทดสอบและใช้เดินทาง จึงอยากจะนำบรรยากาศในงาน และความรู้สึกที่ได้ขับรถรุ่นนี้มาให้อ่านกัน

ช่วงสายวันที่ 31 สิงหาคม ผมกับพี่โอม สมัญตาชีวบุตร_omega_13 ออกเดินทางจากกรุงเทพ ใช้เส้นทาง กาญจนาภิเษกหมายเลข 9
มุ่งหน้าบางบัวทองแล้วเลี้ยวซ้ายไปตาม ทางหลวงหมายเลข 340 ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี
แวะเติมน้ำมันที่ ปตท.แรกของถนน 340

เอ๊… เจ้าสองคันนี้มันรถอะไรหว่า
ร้านขายของมือสองญี่ปุ่น ที่อาจจะได้พบแรร์ไอเทมแบบฟลุ้คๆ ต้องแวะหน่อย ถ้าไม่ได้แวะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป

พี่หมีโดนของเข้าจนได้ เสียตังสบายตัวสบายใจแล้ว ไปกันต่อ

วิวสวยๆเจอได้ตลอดทาง เลยจากลาดหลุมแก้วไม่ไกล จอดแวะถ่ายภาพกันหน่อย

ถัดมาอีกไม่ไกล เจอเข้ากับทุ่งนาเขียว ข้าวกำลังตั้งรวง ขอแวะเอนกาย พักใจอีกสักครั้ง

ขวัญเอ๋ย ขวัญข้าว ขอได้โปรดปกป้อง ผลผลิตนี้ให้เรายังมีกินกันต่อไปด้วยเถิด

ชีวิตเรา หลายครั้งก็ต้องแสวงหาหลายสิ่งเข้ามาเติมเต็ม แต่บางทีเราแสวงหามันเกินความพอดีของชีวิตไปบ้างหรือเปล่า

ขี่กันจนตะวันอยู่กลางกบาลแล้ว ขอเติมเต็มช่องว่างในพุงสักหน่อย

ข้าวหมูแดง หมูกรอบง่ายๆก็พอแล้วสำหรับการที่จะช่วยเพิ่มพลังเพื่อมุ่งหน้ากันต่อ

เสกให้วับ อย่าให้เหลือสิ่งใดไว้
เผื่อท่านอยากแวะมาลองชิม ร้านจะอยู่เลยแยกศรีประจันต์มาสักหน่อย อยู่ซ้ายมือ

ราคาก็สมเหตุสมผลอยู่

อิ่มแล้วก็มุ่งหน้ากันต่อ
เลยศรีประจันต์มาได้ไม่ไกลนัก พี่โอมส่งสัญญาณให้จอดเข้าข้างทางแล้วบอกว่า ฝั่งตรงข้ามถนนที่อยู่กันตอนนี้
มองไปเห็นมีถนนหายขึ้นไปบนเขาน่าสนใจ อยากวนกลับไปดูมั้ย
ถามถูกคนแล้วสิครับ ไม่ขัดใจกันอยู่แล้ว
ไม่เสียทีที่วนกลับมา นำภาพวิวข้างบนมาให้ชมกัน

ขอให้คำว่า พอ เข้าถึงใจ ใครต่อใคร บ้าง



ชมวิวจนจุใจ มองทางขวามือเห็นเมฆครึ้มตั้งท่า นั่นมันทางที่เราจะไปนี่หว่า ลุยกันต่อดีกว่า


ดีๆเน้อออ อย่ากลิ้งลงไปเน้อออ
ขี่กันไปจนเจอสี่แยกสะพานใหม่ ก็เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนน 3183 อยากจะแวะที่โบราณสถานวัดปากคลองมะขามเฒ่า
แต่เกรงจะชักช้ากันเกินไป หมายไว้ก่อน คราวหน้าจะมาใหม่
เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง ถนน 3213 ขี่ๆเข้ามาก็ไม่นึกหรอกว่าจะเจอสิ่งใดพิเศษ สภาพทางเรียบดี แต่มีน้ำขังข้างทางให้เห็นเป็นระยะๆ
ก่อนหน้านี้คงมีฝนตกหนักแน่ เพราะในทุ่งข้างทาง หลายแห่งเต็มไปด้วยน้ำทั้งนั้น
คราวจะแล้งก็แล้ง คราวจะถึงหน้าน้ำก็มาเยอะจนเกินพอดี จะโทษใครเล่า หากไม่โทษมนุษย์เรากันเอง จะไปโทษพระพิรุณท่านฝ่ายเดียว ถูกหรือ?
จุดพิเศษของถนน 3213

แถวนี้คือบริเวณที่ท่าน ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ กระโดดร่มลงมาเพื่อปฏิบัติภารกิจในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง
กูชายชาญชาติเชื้ัอ ชาตรี
กูเกิดมากี่ที- หนึ่งเฮ้ย
กูคาดก่อนสิ้นชี- วาวาตม์
กูจักไว้ลายเว้ย โลกให้แลเห็น
ตั้งอยู่ที่อำเภอ หนองมะโมง (ตอนนั้นใจผมดันไพล่คิดไปถึงเจ้าหมีดำ คุมะมง เสียได้) ตรงข้ามกับโรงเรียนวัดวังน้ำขาว
มีโรงเรียนก็ต้องมีร้านขนม ขอแวะพักเติมน้ำอีกสักที

ก็ชวนคุณพี่คนขายคุยไป ได้ความว่า แถบนี้จะมีฝนตกและลมแรงช่วงเย็นถึงค่ำ ตกติดๆกันมาสามสี่วันแล้ว ไม่แปลกหรอกที่จะมีน้ำท่วมขังบ้าง
น้ำจะค่อยๆระบายลงไปจนออกทะเลนั่นแหละ
จากนั้นก็อาศัยเส้นทาง 3213 วิ่งพุ่งยาวๆจนไปทะลุเจอสี่แยก เลี้ยวขวาเพื่อขึ้นถนน 333 ขับไปเรื่อยๆจนเจอสามแยก
แล้วเลี้ยวซ้ายถนนหมายเลข 3438 อันเป็นทางที้จะพาเราเข้าสู่ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง”
เส้นทางนี้มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่งที่ผมหมายใจว่าจะกลับมาอีกครั้ง เช่น น้ำตกไซเบอร์ เขาปลาร้า น้ำพุร้อนสมอทอง
เรากำหนดจุดพักต่อไปกันไว้ที่อำเภอ ลานสัก จะมีปั๊มและร้านสะดวกซื้อ เพื่อมารอพี่อีกคนมาสมทบด้วย ไม่ใช่คนไกลที่ไหน
พี่ป๋อมแป๋ม ตบจูบ…ตบจูบ นั่นเอง

เติมน้ำมัน เตรียมเสบียงมาม่า ปลากระป๋อง น้ำดื่ม ขนมนิดหน่อยกันเรียบร้อย กำลังจะออกตัว
แต่พระพิรุณท่านคงสงสารพวกเราที่ขี่รถกรำแดดกันมาทั้งวันแล้ว คงเกรงว่าจะร้อน ท่านเลยประทานพรพร้อมความเย็นให้ชื่นใจกันสักหน่อย

แพคกระเป๋าใหม่สักหน่อยดีกว่า เพราะถึงฝนจะหยุดตก แต่ทางข้างหน้านั้นคงเปียกแน่

พวกเราเห็นตรงกันว่าควรจะกินข้าวกันอีกสักมื้อ มาม่าและอื่นๆ ไว้กินตอนดึกก่อนนอนแล้วกัน

ขอทำร้ายจิตใจคนที่หิวอยู่ตอนนี้ ด้วยข้าวผัดหมู อันนี้ของผม

ตามติดมาด้วยกะเพราหมูไข่ดาวของพี่โอม ก็ขอให้ท่านที่หิวอยู่ ณ ตอนนี้ไปหาอะไรกินก่อนค่อยกลับมาอ่านต่อก็ได้

ตัดฉับผ่านทางลูกรังสั้นๆระยะทางราว 10 กิโลเมตร มาที่จุดกางเต็นท์กันเลย ฝนหยุดแล้ว เหลือความชุ่มชื้น ชื่นหัวใจไว้ให้
จอดรถเสร็จปุ๊บก็กางเต็นท์เตรียมที่นอนกันก่อนเลย รอบๆก็มีคนมากางเต๊นท์อยู่ก่อนบ้างแล้ว


มีอาหารเตรียมไว้ให้ได้รับประทานร่วมกัน


ฟ้ามืดลงแล้ว ได้เวลา ขอเชิญทุกท่านมาร่วมงาน รำลึกถึงหัวหน้าสืบ

ดนตรีเบาๆขับกล่อมเล่าเรื่องราว ความคะนึงหาถึงท่านผู้ที่ยังคงอยู่ในใจพวกเราเสมอ
นิทรรศการภาพถ่ายแห่งป่า ที่ท่านได้เสียสละเพื่อปกป้องรักษา

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ กล่าวไว้ว่า
“งานของผมง่ายมากครับ แค่กดชัตเตอร์อย่างเดียว แต่คนที่ทำให้เกิดภาพเหล่านี้ขึ้นมาจริงๆ คือ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เขาทำงานหนักกว่าผม
ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเหล่านี้กัน”
จาก สาส์นสืบ ฉบับ กรกฎาคม 2559


ภาพเสือดาว โดย ปริญญา ผดุงถิ่น

นกทึดทือพันธุ์เหนือ นกนักล่ายามรัตติกาล โดย ปริญญา ผดุงถิ่น

เค้าโมงเค้าแมว ภาพโดย ประภาส มั่นคง
จากนั้นก็มาฟังการพูดคุยของบุคลากรจากมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร

เพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียนสาขาวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ของหัวหน้าสืบ มากล่าวระลึกถึง ท่านได้เล่าว่า
“สืบ เป็นคนตรงไปตรงมา มีอารมณ์ขัน พึ่งพาตนเองเสมอ อุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ทำงานก็ใช้เงินส่วนตัวซื้อหามา
เงินที่ลูกน้องต้องได้เป็นเงินเดือนบางทีตกเบิก ก็กลับบ้านไปยืมเงินที่บ้านเพื่อมาจ่ายให้ลูกน้องก่อน”
“ในรายงานของสืบที่เขียนถึงโครงการขนย้ายสัตว์ป่าตกค้างที่เชี่ยวหลานนั้น สืบให้ความเห็นว่า ประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
เพราะการสร้างเขื่อนได้ทำลายระบบนิเวศ พื้นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเหล่านั้นลงเสียสิ้น”
ต่อจากนั้นมีการเล่าประวัติของห้วยขาแข้ง ย้อนไปถึงช่วงอยุธยาที่มาการเดินทัพ เป็นสนามรบ เป็นเส้นทางการค้าสำคัญตั้งแต่จีนตอนล่าง ผ่านภาคเหนือ ไปจนออกพม่า หรือภาคกลาง
ปิดท้ายด้วยเสียงเพลงจากคุณมาโนช พุฒตาล ซึ่งเป็นอีกคนที่รักป่า และมาร่วมงาน รำลึกนี้ทุกปี
เสร็จจากเวทีลานหินโค้ง ทุกคนร่วมเดินมายังด้านหน้าบ้านพักหลังเดิมของหัวหน้าสืบ เพื่อชมการแสดง แสง สี เสียง
เรื่องราวของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ความตั้งใจ ความลำบาก อุปสรรคการทำงานต่างๆ จนมาถึงเหตุการณ์ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 1 กันยายน ปี2533
วันที่หัวหน้าสืบตั้งใจปลิดชีวิตตนเองลง (ช่วงนี้ห้ามใช้แฟลช จึงไม่สามารถนำภาพมาให้ชมกันได้เพราะมืดมาก)
ส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ปฏิบัติต่อกันมาจนถึงคืนนี้ การจุดเทียนรำลึกถึงหัวหน้าสืบ

จงร่วมกัน สืบสานเจตนารมณ์ของท่านต่อไป ดั่งเทียนที่ถูกจุดต่อกันไป จะไม่ยอมให้มันดับลง

แสงไฟที่ไม่เคยดับ…ถูกส่งต่อจากคนรุ่นหนึ่ง สู่อีกรุ่นหนึ่ง


แม้จะผ่านไปนานเท่าใด เราทั้งหลายจะไม่ลืมหัวหน้าสืบ

ขอให้ชนรุ่นหลัง จงก้าวเดินตามปณิธานของท่านต่อไป

ค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไปอย่างเงียบงัน ผมได้แต่สัญญากับตนเองเงียบๆว่า เราจะมาที่นี่อีก ปีหน้าจะกลับมาพบกันใหม่

รุ่งเช้าฟ้าแจ้งเห็นแสงรำไรแล้ว อาหารง่ายๆเพียงเท่านี้ก็หรอยลุยแล้วนิกับบรรยากาศของที่นี่


เอ่อ คุณพี่หมีครับ สบายไปนะครับ

ขอทำธุระสักแป๊บนะครับ ห้องน้ำที่นี่สะดวกสบายไม่ไกลจากจุดที่กางเต๊นท์
เช้าวันที่ 1 กันยายน 2559 ก่อนลาจากเพื่อเดินทางกลับ ขอพาชมต่ออีกนิด

ลงทะเบียนร่วมงาน

กิจกรรมทางเลือก จะเป็นการเดินสำรวจพื้นที่ป่า


ของฝาก ของที่ระลึก เพื่อเป็นทุนในการปฏิบัติงานหลายๆด้านของมูลนิธิ




รุ่นน้องจาก ม.เกษตร มาร่วมรำลึก ขอให้น้องๆทั้งหลายก้าวต่อไปบนเส้นทางที่น้องได้ตั้งใจเลือกแล้ว ขอให้น้องๆได้รักษาสิ่งเหล่านี้ต่อไปนะ

มรดกที่โลกได้มอบไว้ให้แก่เรา อย่าทำลายมันลงเลยท่านทั้งหลาย โปรดร่วมกันรักษาไว้เถิด

ขยะทั้งหมด พวกผมเลือกที่จะหิ้วกันออกไป หาที่ทิ้งให้เรียบร้อยด้านนอก

ขากลับผมลองวิ่งไปทางถนน 3473 จนมาเจอเข้ากับอนุสาวรีย์พระนเรศวร พื้นที่แถบนี้เอง พระองค์ก็เคยยาตราทัพผ่าน

ตรงนั้นมีอ่างเก็บน้ำอยู่ พอมองย้อนกลับไปทางห้วยขาแข้ง ฝนชุดใหญ่กำลังตกพอดี


ทางซ้ายที่เห็นไกลๆ คืออุทยานแห่งชาติแม่วงก์

ขากลับผมใช้เส้นทาง 333 ยาวๆ จนถึงสุพรรณบุรี และกรุงเทพฯ กลับมาเจอฟ้าหลังฝนพอดี

กลับมาแล้วก็เป็นแรงใจเพื่อสู้ต่อ ทุกก้าวย่างของชีวิตเรา คิดเพื่อธรรมชาติบ้างสักนิด
คำถามทิ้งท้ายที่เกิดขึ้นในใจ
ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตลอดทั้งสาย เมื่อก่อนย้อนไปแค่ราว100ปีเคยมีสภาพความสมบูรณ์ของป่าและมีสัตว์ป่า
เหมือนห้วยขาแข้ง กับทุ่งใหญ่นเรศวรในปัจจุบัน แล้วทำไมเดี๋ยวนี้หายไปแทบจะหมดแล้ว เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?
ส่งท้ายด้วยรีวิวรถหน่อย เอารถเค้ามาขี่ตั้งเกือบๆ 700 กิโลเมตร มาแหลงให้ควังมั่งติ้

สัดส่วนรถโดยรวมกับเครื่องยนต์ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่แรกพบเลยก็คือ ยางใหม่ของ VeeRubber รุ่น VRM163
ขนาดนี่ต้องร้องเลยว่า เติบหนัด กรุยทางวิบากได้ดีทีเดียวละ แต่ด้วยหน้ากว้างที่เต็มซุ้มขนาดนี้ มันเก็บทุกรายละเอียดบนพื้นมาเหม็ดเลย
ต่อด้วยเบาะนั่งแบนยาวเล่นระดับนิดเดียว ก็โอเคนะ ผมชอบเวลามัดสัมภาระ มัดง่ายกว่าแบบตูดมด
และยังขยับตัวขยับตูดยามต้องเจอสภาพทางไม่ปกติได้ดีเลย

ท่อไอเสียทรงใหม่ อันนี้ว่ากันตามจริตชอบใครชอบมัน สุ้มเสียงที่แผดออกมา ไม่รบกวนใคร
ไม่ต้องรุนออกไปสตาร์ทนอกบ้านตอนหนีเมียไปเที่ยวก็ได้


กระปุกไมล์ชุดเดิม ตอนมองแรกๆจะงงหน่อยว่าเอ้ะ เราวิ่งด้วยความเร็วกี่กิโลเมตรต่อชั่วโมงกันแน่หวา
มีทริปไมล์รวม กับ ทริปA หมุนรีเซ็ทได้ที่ปุ่มทางซ้ายมือ
ไม่มีเกจน้ำมัน แต่มีก๊อกหนึ่ง ก๊อกสองติดมาให้
(ก๊อกหนึ่งวิ่งได้ราวๆ 250กิโลเมตร เปิดก๊อกสองวิ่งไปต่อได้อีกราว 30 กิโลเมตร ผมก็ชิงเติมน้ำมันลงไปเสียก่อน ไม่อยากรุน สาๆอิเหนื่อยนักแรง)

กรวดลอยๆ ทางลื่นๆแบบนี้ของชอบ ยางชุดนี้วิ่งหรอย แปลงหลาวลงไปเลย

Tracker ชมทุ่งซักหิดติ้

หนนหัวนาฮามๆ พลาดเสียได้ปรือ ซักหิดหล่าวต่ะ



อยากได้แอคชั่นระเบิดน้ำเหมือนกัน แต่ฝีมือข้าน้อยยังด้อยนัก ขอข้ามแบบเนิบๆพันนี้ก่อนนะ พื้นเป็นหินขนาดประมาณกำปั้น

เห็นลูกระนาดแล้วทรามแปลงให้หนัดเหนียน

สรุป STALLIONS TRACKER 150
เครื่องยนต์เดิม เพิ่มเติมคือยางใหม่
– ท่านั่งขับขี่ สบายครับ เบาะหากหนากว่านี้อีกนิดน่าจะกำลังดีสำหรับทางไกล เบาะแบบเรียบยาวมัดสัมภาระได้อย่างดี
ถ้ามีตะแกรงท้ายต่อไปอีกนิดละก็ ขนของได้อีกคลั่กๆ
– เครื่องยนต์ ไปได้แบบชิลๆสบายๆ อาจจะรู้สึกอึดอัดตอนเร่งแซงอยู่บ้าง เพราะขนาดและน้ำหนักของยางที่เพิ่มเข้ามา ทำให้อัตราเร่งตลอดย่าน ต้น กลาง ปลาย หายไป ความเร็วสูงสุดที่ลองกดมาได้ อยู่ที่ 120km/h (ตามหน้าไมล์ติดรถ)
– ช่วงล่าง Up Side Down ด้านหน้า นุ่มนวลซับแรงกระแทกได้ดี พอมาบวกเข้ากับยางแก้มสูงเบอร์นี้เข้าไป
เห็นหลุมเป็นต้องลองพุ่งเข้าใส่ แล้วมันก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยสักครั้ง
– ช่วงล่างด้านหลัง ยังไม่ได้ลองปรับ ลองเล่นอะไรมากนัก แต่เท่าที่สัมผัสเซ็ทติ้งเดิมๆ ลองเข้าโค้งทางเรียบดูหยาบๆแล้ว
เจอความยวบอยู่เล็กน้อย แต่พอเจอหลุม เจอทางแดง ความนุ่มตรงนี้ ช่วยให้สามารถพารถผ่านไปได้ดีเลย
ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นย่อยในซีรีส์ของ Stallion Centaur 150 ที่น่าใช้งาน อีกคันหนึ่ง อย่างไรก็ตาม รีวิวต่างๆเป็นเพียงความคิดเห็นของผู้รีวิวเท่านั้น
แต่ละท่านอาจจะมีความต้องการในรถหนึ่งคันแตกต่างกัน สนใจรุ่นใด นอกจากหาอ่านข้อมูลรีวิวต่างๆแล้ว
หาโอกาสไปทดลองขับขี่ด้วยตนเองแล้วเปรียบเทียบข้อมูลต่างๆด้วยนะจ๊ะ

ขอบพระคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามอ่านกันมาจนบรรทัดนี้จ้า

ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพ คุณ TopsaVage จาก WWW.PANTIP.COM

HONDA เปิดตัว CBR1000RR นิวโมเดลบนถนน-ตัวแข่งใหม่ “เฮย์เดน”(ชมคลิป)

สวัสดีครับเพื่อนๆ 9CARTHAI ทุกคน วันนี้ทางเรามีข่าวคราวเกี่ยวกับยานยนต์มอเตอร์สปอร์ตสำหรับค่ายปีกนก ซึ่งล่าสุดเพิ่งเปิดตัวเจ้าสปอร์ตไบค์ไป นั้นก็คือ CBR1000RR 2017 ความโดดเด่นน่าสนใจจะโดนใจมากน้อยเพียงใดไปติดตามกันเลยครับ

HONDA เปิดตัวสปอร์ตไบค์ตัวธงรุ่นใหม่ล่าสุด CBR1000RR MY 2017 ในงาน Intermot 2016 ที่เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี พร้อมเผยคลิปทดสอบโดยอดีตแชมป์โมโตจีพี “นิกกี้ เฮย์เดน” กับอีกบทบาทในสนามแข่งขัน สำหรับใช้ทำศึกดวลความเร็วสองล้อโปรดักต์ชันในรายการเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิป

ค่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ายึดพื้นที่ใหญ่งาน Intermot 2016 ที่เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 ตุลาคม 2559 โดยในรอบสื่อมวลชนเมื่อ (4 ต.ค.) ได้เปิดตัวสปอร์ตไบค์ตัวธงรุ่นใหม่ล่าสุด CBR1000RR Fireblade นิวโมเดลปี 2017 ที่มาพร้อมเวอร์ชันไม่ธรรมดา SP และ SP2 เพื่อเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบความแรงเป็นพิเศษด้วย

สำหรับ CBR1000RR Fireblade เป็นสายรหัสที่สร้างชื่อให้ค่ายปีกนกมายาวนานกว่า 25 ปี พกพาขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 999 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 189 แรงม้า ในเวอร์ชันปี 2017 มีความโดดเด่นอยู่ที่การเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา ทำให้ตัวรถโดยรวมเบากว่าเดิมถึง 15 กิโลกรัม ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ได้แก่ โหมดการขับขี่, ระบบกันสะเทือนปรับไฟฟ้าจาก Ohlins, Traction Control, Torque Control, Engine Brake and Power settings และ Quickshifter and Downshift Assist เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้เผยแพร่คลิปทดสอบการขับขี่ โดยอดีตแชมป์โลก โมโตจีพี ปี 2006 “นิกกี้ เฮย์เดน” ซึ่งจะต้องใช้นิวโมเดลรุ่นนี้ในบทบาทอาชาคู่ใจ เพื่อลงทำศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบประเภทโปรดักต์ชันไบค์ ในรายการเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิป ภายใต้สังกัดฮอนด้า เวิล์ด ซูเปอร์ไบค์ ทีม บนสื่อวีดีโอออนไลน์ทางช่อง Honda Motorcycles Europe ในชื่อ Nicky Hayden rides the new CBR1000RR Fireblade ด้วย

ขอขอบคุณเว็ปไซต์ www.aphonda.co.th , www.youtube.com

รีวิว ยาง Pirelli Scorpion Trail II เพิ่มอรรถรสในการขับขี่ดีขึ้นจริงหรือไม่? 

สวัสดีครับเพื่อนๆ 9CARTHAI ทุกคน วันนี้เรามีรีวิวยาง Pirelli Scorpion Trail II ที่อัพเกรดจากตัวเดิม Pirelli Scorpion Trail ที่ติดมากับเจ้า HONDA CB500X ที่เจ้าของกระทู้บอกว่ามันเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้นมากจากยางเดิมที่ติดมากับรถ งั้นเรามาดูกันว่ามันจะเพิ่มสมรรถนะในการยึดเกาะเพิ่มมากขึ้นหรือไม่นั้น มาติดตามจากรีวิวด้านล่างได้เลยครับ

กลับมาจากทริป 3ฤดู มาทำกระทู้เล่าสู่กันฟังเรื่อง “ยางมอเตอร์ไซค์ทัวสายทัวริ่ง” สัก 1 คู่ กับ รถคู่ใจหนึ่งคันกล้องหนึ่งตัว

ว่าด้วยการเดินทางของผมทริปนี้เกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ ด้วยความอยากลองยางของผมด้วยความที่มีเลือดนักเดินทาง เข้าป่าบ้าง หินบ้างลุยบ้างสายทัวริ่งต้องซิ่งได้ทุกสภาพอากาศ โค้งต้องได้ ทางตรงต้องดี

สำหรับเพื่อนๆพี่ท่านใดขับ CB500X โฉม 2015-2016 ต้นปียางที่ใส่ติดรถมาให้คือ Pirelli Scorpion Trail (ตัวแรก)บอกได้เลยว่าตัวแรกว่าดีแล้วลองมามาตัว Trail II มันคือคำว่าฟินโครงสร้างและทรงยางใหม่เพิ่มหน้าสัมผัสแนวข้าง ยางหลังเป็นแบบ 2 คอมพาวด์สูตรใหม่

สำหรับทริปนี้ที่ไปต้องบอกก่อนเลยว่าตัวเจ้า CB500X ของผมแอบดัดแปลงนิดหน่อยในส่วนของชุดหน้า-หลัง ยกของ CB650F มาใส่ ฉะนั้นล้อหน้าจะเป็นดิสเบรคคู่ ยางหน้าขนาด 120/70 ยางหลัง 180/55

ด้วยความอยากรู้อยากลองยางใหม่ ผมได้เลือกไป ทะเลใต้ที่อุดมสมบูรณ์ที่นั้นคือ วนอุทยานปราณบุรี ที่นี้มีทั้งโค้งให้เล่นพอสนุกและทางดินเรามาพูดถึงทางดินหรือทาง OFF ROAD กันก่อนที่จะไปทางดำ ตัวยาง Trail II มันมีความสามารถ 80% ON ROAD – 20% OFF ROAD ซึ่งพอๆกับ Pirelli Scorpion Trail (ตัวแรก)



โดยภาพรวมแล้วในทาง OFF ROAD ถือว่าผมยังไม่ได้ไปเน้นมันมากเพราะช่วงที่ไป ทางยังถือว่าดีอยู่ แต่โดยรวมถ้าใครชอบทางดิน+ทางดำยางตัวนี้ไม่ผิดหวังครับและถ้าถามว่ายางตัวนี้ วิ่งดินได้ขนาดไหนผม สามารถคอนเฟิร์ม ให้เจ้าตัวนี้ได้ เลยว่าดีจริงๆมาในทางดำที่เราต้องวิ่งกันทุกวันบ้าง ทางดำ ON ROAD หรือถนนปกติบ้านเรานั้นเองถ้าเปรียบกับยางที่ผมเคยใส่มาคือ Trail (ตัวแรก) ความต่างเห็นได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้งที่ หนึบขึ้น ด้วยเนื้อยาง ของเจ้า Trail II มีเทคโนโลยี 2 คอมพาวด์ ทำให้เนื้อยางการเค้าโค้งไม่ปลิ้นเส้นถนนอะไรทั้งสิ้น แม้ในสภาพอากาศที่ฝนตกถนนเปียก

สรุปเรื่อง
แบบไม่ยึดติดในแบรนด์ Feeling การขับขี่ดีขึ้นกว่าเดิมหลังจากใส่ยาง Pirelli Scorpion Trail II และยางหลังขนาดใหญ่ขึ้นมีหน้าสัมผัสถนนที่กว่างขึ้น ทำให้ใส่ บิ๊ป3ใบและเวลาขี่เร็วรถไม่สะท้าน เมื่อเทียบกับยางชุดเดิมทำให้เห็นได้ชัดว่า เนื้อยางนุ่มกว่าเดิมทั้งที่การเติมลมยางเท่ากัน ไม่ปลิ้นเส้นถนนและยางยังทำหน้าที่ได้ดีในขณะที่ฝนตกพื้นถนนเปียก ไม่เจออาการสไลด์เข้าโค้งได้มั่นใจกว่าเดิม เทตรงไหนลงตรงนั้น สำหรับยางตัวนี้ผมให้ คะแนนเต็มราคาที่ “เจ็บแต่จบ” ลายดอกยางค่อยสมกับเป็นแมลงป่อง

สำหรับยางสาย Adventure Touring ผมยังยกให้เจ้า Pirelli Scorpion Trail II เพราะลายยางและประสิทธิภาพที่มันทำได้ยังน่าชื่นชมแม้เวลาผ่านไปตามอายุยาง”ผมไม่ได้มาขายสินค้าเพราะผมคือผู้ใช้งานจริงจ่ายตังเต็มแค่อยากมาเสนอมิตรภาพและประสบการณ์ดีๆที่ผมได้รับ”

ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพ คุณ vrprammz จาก www.pantip.com

Marc Marquez หวังปิดจ็อบคว้าแชมป์โลกที่โมเตกิ

สวัสดีครับเพื่อนๆ 9CARTHAI วันนี้เรามีข่าวสารมาอัพเดทล่าสุดเกี่ยวกับการแข่งรถศึก MOTO GP ซึ่งจะมีการแข่งขันที่สนาม โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ใน วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม นี้ ข้อมูลรายละเอียดจะเป็นยังไงติดตามจากข้อมูลด้านล่างได้เลยครับ

Marc Marquez (MM#93) นักบิดทีมเรปโซล ฮอนด้า หวังทำผลงานดีอีกครั้งในศึกโมโตจีพี รายการเจแปนีส กรังด์ปรีซ์ ที่สนามโมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ในวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคมนี้ เพื่อลุ้นคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ของตัวเอง

นักซิ่งวัย 23 ปี เป็นผู้นำคะแนนสะสม มีโอกาสคว้าแชมป์โลกโมโตจีพีประจำปี 2016 ที่สนามโฮมเรซของค่ายสองล้อต้นสังกัดทีมฮอนด้าในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากเขามีคะแนนสะสมทิ้งอันดับ 2 วาเลนติโน่ รอสซี่ คู่แข่ง อยู่ที่ 52 คะแนน ขณะที่ฤดูกาลนี้เหลือคะแนนให้เก็บอีก 100 แต้ม จาก 4 สนามสุดท้าย โดยมาร์กเกวซจะคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ของตนเองต่อจากปี 2013 และ 2014 ทันที ถ้าหากเขาคว้าแชมป์ที่โมเตกิ และรอสซี่ จบอันดับต่ำกว่า 15 ส่วน ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ อีกหนึ่งคู่แข่งจากทีมยามาฮ่า จบอันดับที่ 4 หรือต่ำกว่า

การแข่งขันติดต่อกัน 3 สนามเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก เพราะความแตกต่างในเรื่องของเวลาและสภาพอากาศ ต้องรับมือด้วยความรอบคอบและมีสมาธิอย่างที่เคยทำมาตลอดทั้งฤดูกาล เจแปนนีส กรังด์ปรีซ์ สำคัญต่อทีมเพราะเป็นโฮมเรซของฮอนด้า เราเคยมีความทรงจำที่ดีเพราะคว้าแชมป์โลกที่นี่เมื่อปี 2014

นักบิดชาวสเปนกล่าวถึงการชิงชัยในสัปดาห์นี้ต่อว่า  “แต่มองอีกแง่หนึ่ง โมเตกิเป็นสนามที่มีความท้าทาย ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ถ้าเป็นสนามอรากอน (ที่สเปน) เป้าหมายของผมคือใส่เต็มที่ ส่วนที่โมเตกิ เป้าหมายของผมคือพลาดให้น้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม เราจะลงแข่งโดยไม่กดดันตัวเอง พยายามทำให้ดีที่สุด แต่ก็พร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ”

ทั้งนี้ Marc Marquez เคยคว้าแชมป์ที่สนามโมเตกิ เมื่อปี 2010 ตอนแข่งรุ่น 125 ซีซี. และคว้าแชมป์ปี 2012 ตอนแข่งรุ่นโมโตทู แม้เจ้าตัวยังไม่เคยคว้าแชมป์ในรุ่นใหญ่ โดยคว้าอันดับ 2 เมื่อปี 2013 และปี 2014 แต่การเข้าอันดับ 2 เมื่อปี 2014 ก็ทำให้เขาคว้าแชมป์โลกโมโตจีพีในฤดูกาลดังกล่าว ซึ่งถือเป็นนักบิดคนแรกของฮอนด้า ที่คว้าแชมป์โลกทุกรุ่นเมื่อมาแข่งที่สนามโมเตกิ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.aphonda.co.th

ใหม่!! ยามาฮ่า ฟีโน่125 Fits All Feelings ความลงตัวใหม่…ใช่ทุกแนว

ยามาฮ่า ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกแฟชั่นครั้งใหม่!!! พร้อมตอบสนองคนรุ่นใหม่วัยมันส์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วย “ใหม่!! ยามาฮ่า ฟีโน่125” ที่ได้รับการออกแบบดีไซน์สีสันแนวใหม่ ใช่สุด!!! อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่โดนใจใช่ทุกแนว ด้วยเครื่องยนต์ Blue Core ที่สามารถเติมน้ำมันได้หลายประเภทจนถึง E85 มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่ Stop & Start System พร้อมสโลแกนใหม่ “Fits All Feelings…ความลงตัวใหม่…ใช่ทุกแนว” ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่น 3 สไตล์ คือ รุ่น PREMIUM FASHION, รุ่น ACTIVE FASHION และ รุ่น DELUXE

“ใหม่!! ยามาฮ่า ฟีโน่125” สีสันแนวใหม่ของออโตเมติกแฟชั่น 125 ซีซี. ความลงตัวใหม่แห่งดีไซน์ และเทคโนโลยีที่ใช่สำหรับทุกแนว มาพร้อมเครื่องยนต์ Blue Core เทคโนโลยีแห่งความแรง และความประหยัด ด้วยแรงบิดสูงในรอบต่ำ เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ พร้อมจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอัจฉริยะ และกระบอกสูบไดอะซิลที่แข็งแกร่ง ทนทาน ระบาย ความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ลดการสูญเสียกำลัง ได้ทั้งความแรงเต็มซีซี. แต่ประหยัดน้ำมันสูงสุด และ ช่วยลดมลพิษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“ใหม่!! ยามาฮ่า ฟีโน่125” ในรุ่น PREMIUM FASHION และรุ่น ACTIVE FASHION มาพร้อมกับกล่อง ECU สมองกลอัจฉริยะแบบ Flex Fuel Vehicle (FFV) ที่คำนวณค่าการจ่ายน้ำมันให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้สามารถเติมน้ำมันเชื้อเพลิงได้ทั้งเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ทุกประเภทจนถึง E85

“ใหม่!! ยามาฮ่า ฟีโน่125” รุ่น DELUXE นั้น มาพร้อมกับความพิเศษสุดกับเทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่!! Stop & Start System ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน โดยในขณะขับขี่ และต้องหยุดรถนานเกินกว่า 5 วินาทีขึ้นไป ไม่ว่าจะหยุดจอดรอสัญญาณไฟจราจร หรือหยุดจอดชั่วคราว ระบบ Stop & Start System จะสั่งการให้เครื่องยนต์หยุดทำงานโดยอัตโนมัติ พร้อมสัญญาณไฟกระพริบแจ้งการทำงานของระบบที่อยู่บนมิเตอร์ และเพียงแค่บิดคันเร่งเครื่องยนต์ จะทำงานต่อทันที ส่งผลให้ลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน และประหยัดมากขึ้น

“ใหม่!! ยามาฮ่า ฟีโน่125” ยังคงมาพร้อมกับฟังก์ชั่น และฟีเจอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างมีสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า FULL LED สไตล์โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟหรี่ Diamond Cut Lens เท่จัด สว่างเห็นชัดแต่ไกล, เรือนไมล์แยกส่วน Duo Meter พร้อมไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัด ECO LAMP, MEGA BOX ใหญ่ขึ้น ขนาดจุใจถึง 8.2 ลิตร เก็บสิ่งของต่างๆ ของคนวัยมันส์ได้มากยิ่งขึ้น, ล้อแม็ก ขนาด 14” เทรนด์สปอร์ตสุดแกร่ง และกุญแจรีโมท ANSWER BACK SYSTEM ที่สามารถเปิดช่องกุญแจอัตโนมัติพร้อมไฟเรืองแสง และส่งสัญญาณบอกตำแหน่งรถ

“ใหม่!! ยามาฮ่า ฟีโน่125” มีให้เลือกเป็นเจ้าของด้วยกัน 3 รุ่น คือ รุ่น DELUXE ที่มาพร้อมกับ สีเทา เท่อย่างมีสไตล์!!, รุ่น ACTIVE FASHION โทนสีสไตล์สปอร์ตมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีแดง และในรุ่น PREMIUM FASHION สำหรับผู้ที่ชอบความพรีเมี่ยมมีระดับมีให้เลือก 2 สี คือ สีน้ำเงิน และ สีขาว…สำหรับ “ใหม่!! ยามาฮ่า ฟีโน่ 125” มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นในรุ่น ACTIVE FASHION ราคา 46,000 บาท, ในรุ่น PREMIUM FASHION ราคา 48,500 บาท และในรุ่น DELUXE ราคา 51,500 บาท โดยสามารถเลือกเป็นเจ้าของได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ

Suzuki บิ๊กไบค์ ขยายสาขา!!! ประกาศแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย ซูซูกิ บิ๊กไบค์ ลพบุรี

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ได้ทำการเซ็นสัญญาประกาศแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย บริษัท ลพบุรีมอเตอร์ จำกัด โดยให้สิทธิ์การเป็นผู้แทนจำหน่าย และศูนย์บริการรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ บิ๊กไบค์ ในจังหวัดลพบุรี อย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจาก มร.นาโอคิ โอคาดะ กรรมการผู้อำนวยการ และคุณเลิศศักดิ์ นววิมาน กรรมการบริหาร เป็นผู้แทนจากบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด และคุณสุเทพ เผ่าไทยเจริญสุข ประธานกรรมการบริหาร และคุณอภิวัฒน์ เผ่าไทยเจริญสุข กรรมการผู้จัดการ ผู้แทนจากบริษัท ลพบุรีมอเตอร์ จำกัด ร่วมกันเซ็นสัญญาลงนาม พร้อมถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก ณ บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด

Ducati โชว์ตัวรถแบบใหม่ “SuperSport” ในราคาเริ่มต้น 10,995 ดอลล่าร์

Ducati, แบรนด์รถจักรยานยนต์ BIG BIKE จากประเทศอิตาลีนั้นล่าสุดได้เปิดตัวรายละเอียดของรถรุ่นใหม่ออกมาแล้ว ได้แก่ เจ้ารถแบบ “SuperSport” ที่เป็นแนวทางการตลาดแบบใหม่ของพวกเขาที่ลงมาเล่นในตลาดล่างราคาไม่แพงมากขึ้น

เจ้ารถแบบ “SuperSport” คันนี้นั้นจะใช้เครื่องยนต์แบบ Testastretta engine ให้กำลังทั้งสิ้น 113 แรงม้าในภาพรวม พร้อมกับแพ็คเกจความปลอดภัยแบบ Ducati Safety Pack (Bosch ABS ระบบเบรคจากทาง Bosch) + Ducati Traction Control (และระบบควบคุมการขับขี่)) เพิ่มเติมให้มีประสิทธิภาพที่มากขึ้น

ราคาเปิดตัวในสหราชอาณาจักร (รวมถึงอังกฤษ) นั้นจะอยู่ที่ราคาทั้งสิ้น 10,995 ปอนด์ในโฉมแบบธรรมดาและโฉมแบบสปอร์ต (SuperSport S) จะอยู่ที่ราคา 12,295 ปอนด์ในโฉมสีแดงและราคา 12,495 ปอนด์ในโฉมสีขาว (Silk White)

Ducati SuperSport นั้นจะเปิดตัวพร้อมรถรุ่นอื่นๆ ได้แก่ 2017 Monster 821 Euro 4 (เปิดตัวแล้วในสีแบบเทาอ่อน Dust Grey) และรถแบบ Diavel Euro 4.จนไปถึงรุ่นตัวพ่ออย่าง Multistrada 1200 S ขนาด 1,200 CC.

INDIAN Chief Classic 2017 “ครูสเซอร์สุดคลาสสิค”

INDIAN Chief Classic 2017 

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 2 ลูกสูบ มีชื่อเรียกว่า Thunder Stroke 111

ระบบระบายความร้อน : ด้วยอากาศ

ขนาดความจุสุทธิ : 111 คิวบิค-นิ้ว หรือ 1,811 ซีซี.

ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก : 101 x 113 มม.

แรงบิดสูงสุด : 138.9นิวตัน-เมตร ที่ 2,600 รอบ/นาที

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 9.5 : 1

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : หัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์แบบปิด ขนาด 54 มม.

เรือนลิ้นเร่งขนาด : 54 มม.

ระบบเกียร์ธรรมดา : 6 สปีด

อัตราทดเกียร์ (โดยรวม)
-1st9.403 : 1
-2nd6.411 : 1
-3rd4.763 : 1
-4th3.796 : 1
-5th3.243 : 1
-6th2.789 : 1

ระบบคลัทช์ : ชุดคลัทช์แบบเปียก สั่งงานด้วยสายสลิง

ระบบขับเคลื่อน : สายพานมาตรฐานอเมริกันนิยม

ระบบสตาร์ท : สตาร์ทด้วยระบบไฟฟ้า

ไฟท้าย : เป็นทรงสามเหลี่ยมทับทิมแดง

ไฟเลี้ยวหน้า/หลัง : เป็นเลนส์ทับทิมส้้ม

ถังบรรจุเชื้อเพลิง : เป็นแบบถังฝังไมล์ 20.8 ลิตร

กระจกมองข้าง : ติดอยู่บนแฮนด์บังคับ เป็นรูปทรงหยดน้ำให้ทัศนวิสัยยอดเยี่ยม

ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) : 1,000 x 2,630 x 1,176 มม.

ความสูงของเบาะ : 660 มม.

ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ : 140 มม.

ระยะห่างฐานล้อ : 1,730 มม.

น้ำหนักตัวรถพร้อมขับขี่ : 357 กิโลกรัม

ฝาถังน้ำมัน : แบบแพ็คคู่ทรงกลม โครเมี่ยม

เบาะนั่ง : เป็นแบบใบเดียว ประดับด้วยหมุดกระดุมเงิน

ท่อไอเสีย : 2-2

วงล้อ/ยาง
– ล้อหน้า ขนาด 16 ยาง 130/90-16 นิ้ว
– ล้อหลัง ขนาด 16 ยาง 180/60-16 นิ้ว

ระบบเบรก ABS
– ด้านหน้า จานเบรกคู่แบบให้ตัวได้ ขนาดจาน 300 มม. คาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ
– ด้านหลัง จานเบรกเดี่ยวกึ่งให้ตัวได้ ขนาดจาน 300 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า โช๊คอัพเทเลสโคปิค เคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยม ขนาดแกนช็อคอับ  46 มม. ระยะการทำงาน 119 มม. สามารถปรับตั้งได้
– ด้านหลัง โช๊คอัพเดี่ยวระยะทำงานที่ 94 มม.

อย่าเอารถของ INDIAN ไปเปรียบกับ ฮาร์เลย์-เดวิสัน เพราะงานออกแบบนั้นกันสุดโต่ง เพียงเพราะคนไทยนิยมและชื่นชมรถฮาร์เล่ มาช้านานพอมาเจอ INDIAN เข้าไป ก็มักจะโดนจับเปรียบคู่มวยอยู่บ่อยๆ งานนี้ก็เลยดึงเอา CHIEF มาโชว์ตัวสักหน่อย เนื่องจากรถตระกูลนี้ดูจะบอกความเป็นตัวตนได้ดีที่สุด วัดกันเป็น นิ้ว ต่อ นิ้ว เลยก็ว่าได้ ว่า INDIAN เข้าได้ทิ้ง “ลายเซ็น” ไว้ทุกอณู

ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.indianmotorcycle.com

HONDA NC 750X DCT ABS 2016 “เดินทางไกลไปกับสายทัวริ่ง”

HONDA NC 750X DCT ABS 2016

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 2 ลูกสูบ แบบ Parallel-Twin

ระบบระบายความร้อน : ออยคูลเลอร์

ขนาดความจุสุทธิ : 745 ซีซี.

แรงบิดสูงสุด : 68 นิวตัน-เมตร ที่ 4,750 รอบ/นาที

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 10.7 : 1

กำลังสูงสุด : 54 แรงม้า

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : ด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI

ระบบเกียร์ : เกียร์ธรรมดา 6 สปีด

ระบบคลัทช์ : ชุดคลัทช์แบบเปียก สั่งงานด้วยสายสลิง

ระบบขับเคลื่อน : โซ่/สเตอร์

ระบบสตาร์ท : สตาร์ทด้วยระบบไฟฟ้า

ไฟหน้า/ไฟท้าย : แบบ LED

ระบบเกียร์ : เป็นแบบ Dual Clutch Transmission (DCT) สามารถขับขี่ใน Manual Mode โดยเปลี่ยนเกียร์ที่แฮนด์ซ้าย หรือสามารถใช้เกียร์อัตโนมัติ

กระจกมองข้าง : ติดอยู่บนแฮนด์บังคับ บานใหญ่เพิ่มทัศนวิสัยในการมองหลัง

ความสูงจากพื้นถึงเบาะ : 830 มม.

ความสูงของตัวรถ : 1,285 มม.

ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ : 140 มม.

ความจุถังเชื้อเพลิง : 14 ลิตร

ระยะห่างฐานล้อ : 1,540 มม.

น้ำหนักตัวรถพร้อมขับขี่ : 230 กิโลกรัม

โหมดการขับขี่
– Auto สามารถเลือกการทำงานได้ 2 โหมด D คือการขับขี่ทั่วไป, S คือการขับขี่แบบสปอร์ต
– Manual  เปลี่ยนเกียร์โดยใช้นิ้วซ้ายกดที่สวิทช์ + เพื่อเปลี่ยนเกียร์ขึ้น และนิ้วโป้งกดสวิทช์ – เพื่อลดเกียร์ เหมือน Paddle Shift ที่ใช้ในรถยนต์

วงล้อ/ยาง
– ล้อหน้า ขนาด 17 นิ้ว ยาง 120/70-17 นิ้ว
– ล้อหลัง ขนาด 16 นิ้ว ยาง 160/60-16 นิ้ว

ระบบเบรก ABS
– ด้านหน้า จานเบรกเดี่ยว ขนาด 320 มม. คาลิเปอร์ 3 ลูกสูบ
– ด้านหลัง จานเบรกเดี่ยว ขนาด 240 มม. คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า ช็อคอับเทเลสโคปิค ขนาด 41 มม. ระยะการทำงาน 153.5 มม.
– ด้านหลัง ช็อคอับเดี่ยว Pro-Link ระยะการทำงาน 150 มม.

HONDA NC 750X DCT ABS 2016 ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยสดงดงามเหมาะสำหรับเดินทางไกล มีความคล่องตัวในการขับขี่ทั้งในทาง Off Road และ On Road ใช้วัสดุคุณภาพสูงได้มาตรฐานความแข่งแกร่งบวกกับเครื่องยนต์ที่มีระบบเบรคประสิทธิภาพ สร้างความเพลิดเพลินกับทุกประสบการณ์ในการขับขี่

ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.hondaprokevin.com

ROYAL ENFIELD CLASSIC 500 Limited Edition “เรโทสุดเก่า เก๋ามาตั้งแต่รุ่นปู่”

ROYAL ENFIELD CLASSIC 500 Limited Edition

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 1 ลูกสูบ มีชื่อเรียกว่า SHOC

ระบบระบายความร้อน : ด้วยอากาศ

ขนาดความจุสุทธิ : 499 ซีซี.

ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก : 84 x 90 มม.

แรงบิดสูงสุด : 41.3 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

กำลังสูงสุด : 27 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 8.5 : 1

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : หัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์ EFI

ระบบเกียร์ธรรมดา : 5 สปีด

ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) : 800 x 2,160 x 1,050 มม.

ความสูงของเบาะ : 820 มม.

ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ : 135 มม.

ระยะห่างฐานล้อ : 1,370 มม.

น้ำหนักตัวรถพร้อมขับขี่ : 187 กิโลกรัม

ระบบคลัทช์ : ชุดคลัทช์แบบเปียก สั่งงานด้วยสายสลิง

ระบบขับเคลื่อน : โซ่/สเตอร์

ระบบสตาร์ท : สตาร์ทด้วยระบบไฟฟ้า/คันสตาร์ทเท้า

ถังบรรจุเชื้อเพลิง : ทรงหยดน้ำ

มาตรวัด : ฝังติดกับหัวกระโหลกไฟหน้า

ไฟหน้า : รูปทรงกลมพร้อมแค็พไฟหน้า

ไฟท้าย : เป็นทรงกลมและแผ่นทับทิมแดง

ไฟเลี้ยวหน้า/หลัง : ทั้งหมด 4 ดวง ทรงหยดน้ำ ฝาครอบเลนส์สีส้้ม

เบาะนั่ง : เป็นแบบใบเดียว ทรงอานม้าหุ้มหนังด้วยสีน้ำตาลพร้อมสปริงใต้เบาะ

วงล้อ/ยาง
– ล้อหน้า แบบซี่ลวด ขนาด 19 นิ้ว ยาง 90/90-19 นิ้ว
– ล้อหลัง ขนาด 19 นิ้ว ยาง 100/90-19 นิ้ว

ระบบเบรก
– ด้านหน้า จานเบรกเดี่ยว ขนาด 280 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ
– ด้านหลัง เบรคดรัม ขนาด 153 มม.

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า ช็อคอับเทเลสโคปิค พร้อมชุดครอบแกนช็อคเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 35 มม. ระยะการทำงาน 130 มม.
– ด้านหลัง ช็อคอับคู่พร้อมกระปุกซับแท้งค์แบบแก๊ส วางแนวช็อคตั้งฉากกับถนน หรือที่เรียกกันว่า หลังสไลด์

ROYAL ENFIELD เกิดที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่ปี ค.ศ. 1851 คาดว่าน่าจะเป็นแย่ห้อที่เก่าแก่ที่สุดในโลก (ที่ยังมีขบวนการการผลิต/จำหน่ายอยู่) รูปลักษณ์ภายนอกและเครื่องยนต์ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิค  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถแบรนด์อังกฤษและผกผันข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งรกรากที่อินเดียตั้งแต่ปี ค.ศ. 1955 และเป็นพันธมิตรกับ Eicher Motor ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถเพื่อการพานิชย์ในประเทศอินเดียและกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ Eicher ไปในปี 1994 โดยมีโรงงานผลิตอยู่ที่เมืองเชนไน ซึ่งนอกจากผลิตจำหน่ายในประเทศสนองความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบความคลาสสิค ROYAL ENFIELD ยังส่งออกไปจำหน่ายยัง 25 ประเทศทั่วโลก

ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.carblogindia.com

HUSABERG TC 85 2017 “เล็กๆสำหรับเด็กขาโหด” 

HUSABERG TC 85 2017

เครื่องยนต์ : 2 จังหวะ 1 ลูกสูบ

ระบบระบายความร้อน : ด้วยน้ำ

ขนาดความจุสุทธิ : 84 ซีซี.

ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก : 47 x 48.9 มม.

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : คาร์บูเรเตอร์ KEIHIN รุ่น PWK ขนาด 28 มม.

ระบบเกียร์ธรรมดา : 6 สปีด

ระบบคลัทช์ : ชุดคลัทช์แบบเปียก สั่งงานด้วยสายสลิง

ระบบขับเคลื่อน : โซ่/สเตอร์

ระบบสตาร์ท : สตาร์ทด้วยคันสตาร์ทเท้าเท่านั้น

สวิงอาร์ม : เป็นอลูมิเนียมอัลลอย

ความสูงของเบาะ : 890 มม.

ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ : 377 มม.

ระยะห่างฐานล้อหน้า-หลัง : 1,290 มม.

น้ำหนักตัวรถ : 68 กก.

ความจุถังเชื้อเพลิง : 5 ลิตร

ถังเชื้อเพลิง : ทำขึ้นจากพลาสติกเพื่อลดปัญหาการเกิดของสนิมและให้น้ำหนักที่เบา

ชิ้นงานบอดี้พาร์ท 14 ชิ้น
– การ์ดแกนช็อคอับซ้าย/ขวา
– บังโคลนหน้า
– ป้ายเบอร์หน้า
– ปีกหม้อน้ำซ้าย/ขวา
– ถังน้ำมันเชื้อเพลิง
– เบาะนั่ง
– ฝาครอบกรองอากาศซ้าย/ขวา
– ป้ายเบอร์ข้างซ้าย/ขวา
– บังโคลนท้าย
– ตัวดันโซ่ล่าง

วงล้อ/ยาง
– ล้อหน้า ขนาด 1.60 x 19 นิ้ว ยาง 70/100-19 นิ้ว
– ล้อหลัง ขนาด 1.85 x 16 นิ้ว ยาง 90/100-16 นิ้ว

ระบบเบรก ABS
– ด้านหน้า จานเบรกเดี่ยวแบบตายตัว ขนาด 270 มม. คาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ
– ด้านหลัง จานเบรกเดี่ยว ขนาด 210 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ ของ BREMBO

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า ช็อคอับเทเลสโคปิค อัพไซด์ดาวน์ ผิวแกนช็อคเคลือบด้วยสารฮาร์ดโครเมี่ยม ขนาด 48 มม. ของ WP ปรับตั้งได้ ระยะการทำงาน  300 มม.
– ด้านหลัง ช็อคอับเดี่ยวพร้อมซับแท้งค์ของ WP Monoshock PQS ปรับตั้งค่าได้ ระยะทำงานที่ 330 มม.

HUSABERG เป็นผู้ผลิตเพียงค่ายเดียวเท่านั้นที่สร้างรถมาเพื่อทำการแข่งขันเอนดูโร่โดยเฉพาะแบบ 4 จังหวะ และ 2 จังหวะ ซึ่งเจ้าตัวนี้เป็นน้องสุดท้องของตระกูล TC มาในพิกัด 85 ซีซี ถึงจะพกความแรงมาน้อยแต่ก็ก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยกว่าที่คาดคิด เพราะมันคือรถที่ใช้ในการแข่งขันเท่านั้น

ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.husqvarna-motorcycles.com

KTM 350 EXC-F 2017 “ตัวลุยทางสายฝุ่น” 

KTM 350 EXC-F 2017

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 1 ลูกสูบ

ระบบระบายความร้อน : ด้วยน้ำ

ขนาดความจุสุทธิ : 349.7 ซีซี.

ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก : 88 x 57.5 มม.

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : หัวฉีด จาก KEIHIN

ระบบเกียร์ธรรมดา : 6 สปีด

ระบบคลัทช์ :คลัทช์เปียกสั่งงานด้วยไฮดรอลิค (คลัทช์น้ำมัน)

ระบบขับเคลื่อน :โซ่/สเตอร์

ระบบสตาร์ท : สตาร์ทด้วยระบบไฟฟ้า

ความจุถังเชื้อเพลิง :  8.5 ลิตร

ความสูงของเบาะ : 960 มม.

ระยะห่างฐานล้อ : 1,482 มม.

น้ำหนักรวมตัวรถ : 107.5 กก.

ระบบเบรก ABS
– ด้านหน้า จานเบรกเดี่ยว คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ ของ BREMBO สั่งงานด้วยระบบแรงดันน้ำมัน ปรับตั้งได้
– ด้านหลัง จานเบรกเดี่ยวตายตัว คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ ของ BREMBO

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า ช็อคอับเทเลสโคปิค อัพไซด์ดาวน์ ผิวแกนเคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยม ของ WP  ปรับตั้งได้ ระยะการทำงาน 300 มม.
– ด้านหลัง ช็อคอับเดี่ยว ของ WP ระยะการทำงานที่ 310 มม.

สำหรับ KTM 350 EXC-F นั้นถือว่าเป็นรถสูตรทางฝุ่นในสายเอ็นดูโร่ แม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เห็นการแข่งขันที่แยกประเภทอย่างชัดเจนเป็นของรุ่น 350 ซีซี. แต่ในความเป็นจริง รถรุ่นนี้ต้องแบกน้ำหนักไปฟาดกับรถ 450 ซีซี. แน่นอนว่ามีขนาดความจุที่น้อยกว่า ก็ต้องมีการแก้ทางมวยกันสักนิด โดยให้ความสนใจไปที่ “ช็อคอับ” ซึ่งมันจะให้ความแม่นยำมากขึ้น ช่วยให้คุมรถได้ดีกว่าเก่า รวมถึงการปรับลดสเตอร์หน้าและหลัง เพื่อกระตุ้นความเร็วให้ไวขึ้น เหลืออยู่เพียงอย่างเดียว คือ คนขี่ ว่ากันว่า ถ้าเจอคนขี่เก่ง ดีไม่ดี ตัวแข่ง 450 ซีซี. อาจจะทำได้แค่ “ดมฝุ่น”

ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.ktm.com, www.totalmotorcycle.com