เคล็ดลับดูแลมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ไม่ให้เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา

มอเตอร์ไซค์ เป็นอีกหนึ่งยานพาหนะที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในประเทศไทย ด้วยขนาดเล็กกระทัดรัด คล่องตัว ที่สามารถนำผู้ขับขี่และผู้โดยสารอีกหนึ่งคนเดินทางสู่จุดหมายได้อย่างรวดเร็วท่ามกลางสมรภูมิการจราจรที่แน่นขนัดอย่างทุกวันนี้ด้วยราคาที่จับต้องได้ และรูปลักษณ์ที่มีให้เลือกหลากหลาย ทำให้มอเตอร์ไซค์เป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆของทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าต้องดูแลรักษาเจ้ายานพาหนะคู่ใจนี้อย่างไรให้อยู่ด้วยกันได้นานๆ วันนี้ เชลล์ แอ๊ดว้านซ์ สกู๊ตเตอร์ มีเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจมาฝาก กับ 5 เคล็ดไม่ลับการดูแลรถมอเตอร์ไซค์ ตามนี้เลย

1. เลือกยางให้ดี ขับขี่สบายใจ
ยางรถมอเตอร์ไซค์ เป็นหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่มีผลต่อประสบการณ์การขับขี่ ไม่เพียงประเภทของยางเท่านั้น การเลือกใช้หรือเปลี่ยนยางยังต้องคำนึงถึงขนาดที่เหมาะสมกับตัวรถอีกด้วย หมั่นตรวจเช็คให้มั่นใจว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน หมั่นเติมความดันลมให้ไม่อ่อนหรือแข็งเกินไปอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ เพราะความดันลมของยางที่เหมาะสมจะส่งผลต่อการทรงตัวและการยึดเกาะถนน

2. หัวเทียนไม่บอด ตรวจเช็คตลอด ปลอดภัย
หมั่นสังเกตสภาพของหัวเทียนเป็นประจำ โดยปกติแล้วหัวเทียนจะมีสีน้ำตาลหรือเทา หากสังเกตว่า หัวเทียนมีคราบเขม่าสีดำหรือคราบน้ำมันเกาะอยู่ต้องรีบจัดการแล้ว เนื่องจากหัวเทียนที่เสื่อมสภาพอาจทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติด เร่งไม่ขึ้น เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ ส่งผลต่อระบบไฟ มีอาการสะดุด ทำให้ส่วนเครื่องยนต์ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนหัวเทียนใหม่

3. ระบบไฟฟ้า ใครว่าไม่สำคัญ
รถมอเตอร์ไซค์ขับเคลื่อนได้ด้วยความช่วยเหลือของพลังไฟฟ้าซึ่งมาจากแบตเตอรี่ มีคำกล่าวว่า แบตเตอรี่นั้นจะเริ่มเสื่อมสภาพไปอย่างช้าๆ ตั้งแต่เริ่มใช้ครั้งแรก อย่างไรก็ตาม เราสามารถยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ได้ด้วยการดูแลรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม เพียงหมั่นตรวจน้ำยาแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ หรือหากสังเกตว่าน้ำยาแบตเตอรี่รั่ว หรือหมดเร็วกว่าที่เคย ควรนำแบตเตอรี่ไปตรวจเช็คเพื่อหาความผิดปกติของระบบไฟฟ้าทันที

4. รักมอเตอร์ไซค์ อย่าลืมใส่ใจกับน้ำมันเครื่อง
ความเชื่อที่ว่าน้ำมันเครื่องสำหรับมอเตอร์ไซค์ จะใช้แบบไหนก็เหมือนกันนั้นเป็นความเชื่อที่ผิด แม้จะเป็นยานพาหนะประเภทเดียวกัน แต่มอเตอร์ไซค์แต่ละประเภทต้องการการดูแลจากน้ำมันเครื่องที่แตกต่างกัน เช่น มอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้ที่มีเครื่องยนต์เล็ก หรือที่เราเรียกติดปากว่าสกู๊ตเตอร์นั้น ทำงานที่รอบเครื่องเร็วกว่า และเกิดความร้อนได้สูงกว่า ย่อมต้องการการดูแลแตกต่างจากมอเตอร์ไซค์ทั่วไป จึงควรใช้น้ำมันเครื่องที่ออกแบบมาเพื่อเครื่องยนต์เกียร์ออโต้โดยเฉพาะ อย่างเชลล์ แอ๊ดว้านซ์ สกู๊ตเตอร์ ที่สามารถคงสภาพความหนืดที่เหมาะสมกับการหล่อลื่นทุกสภาวะได้ดีขึ้น ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้น และคงทนต่อการเสื่อมสภาพได้ดีกว่า จึงสามารถยืดระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องได้นานกว่า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้อย่างสกู๊ตเตอร์ ทำให้การขับขี่ราบรื่น ช่วยดูแลมอเตอร์ไซค์ที่รักของคุณให้มีอายุการใช้งานยาวนานยิ่งขึ้น

5. เชื่อคู่มือประจำรถ หมดกังวล พร้อมผจญทุกเส้นทาง!
คงไม่มีใครรู้จักมอเตอร์ไซค์ดีไปกว่าผู้ผลิต การศึกษาข้อมูลจากคู่มือประจำรถจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ว่าจะเป็นประเภทของน้ำมันเชื้อเพลิง ประเภทของน้ำมันเครื่อง กำหนดเวลาที่เหมาะสมในการนำรถมอเตอร์ไซค์เข้าเช็คระยะหรือตรวจสภาพ ไปจนถึงฟังก์ชั่นการใช้งานมอเตอร์ไซค์ที่เจ้าของอย่างคุณเองอาจไม่เคยรู้ พกคู่มือประจำรถของคุณไว้กับมอเตอร์ไซค์เสมอ และอย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อดูแลให้ยานพาหนะอันเป็นที่รักของคุณ อยู่ในสภาพใหม่เหมือนแรกซื้อตลอดเวลา

อย่าลืมนำทิปส์ดีๆจากเชลล์ แอ๊ดว้านซ์ สกู๊ตเตอร์ไปใช้ดูแลยานพาหนะคู่ใจของคุณ เพื่อยืดอายุการใช้งาน และรักษาเครื่องยนต์ให้ใหม่อยู่เสมอ

เตรียมพบมอเตอร์ไซค์พิเศษจากแบรนด์อย่าง Zagato Motorcycle

Zagato นั้นเป็นที่รู้จักกันสำหรับแบรนด์ออกแบบรถชื่อดัง แต่ล่าสุดนี้นั้นมันถูกเปิดตัวออกมาแล้วในการทำและออกแบบรถอย่างมอเตอร์ไซค์เป็นครั้งแรก ในอีกชื่อหนึ่งแต่อาจจะใช้ทีมงานและวิศวกรบางส่วนร่วมกัน

สำหรับชื่อแบรนด์นั้นไม่ใช่แบรนใหญ่ๆ อย่างทั้ง Ducati, Aprilia หรือ Moto Guzzi แต่มันคือแบรนด์อย่าง MV Agusta. ที่พักหลังนั้นได้การสนับสนุนและพัฒนามาจากทาง Mercedes-AMG. มาโดยตลอดในส่วนต่างๆ

ในส่วนของการออกแบบดีไซน์นั้นปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนแบบร่าง 3 มิติ (3D) โดยเราอาจจะยังไม่รู้อะไรเพิ่มเติมเลยจนกว่าจะถึงงานใหญ่อในการเปิดตัววันที่ 4 กันยายนนี้

Suzuki ร่วมเชียร์ไทย สู่เหรียญทองโอลิมปิกพร้อมแจกรางวัลใหญ่อีก!!!

บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด และ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ หนังสือพิมพ์สยามกีฬา จัดโครงการ “สยามกีฬา เชียร์ไทยสู้ศึกโอลิมปิก” เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่าน ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดโครงการดังกล่าว เพื่อสร้างสีสันและเป็นกำลังใจให้กับทัพนักกีฬาไทยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 31 ที่จะจัดขึ้น ณ กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ณ สตูดิโอใหญ่ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด
โดยในงานนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.ไชยยันต์ สาวนะชัย กรรมการบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ร่วมถ่ายภาพในงานแถลงข่าวร่วมเปิดโครงการ โดยกิจกรรมในครั้งนี้ ซูซูกิ ได้แจกรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ เรดเดอร์ 150 จำนวน 5 คัน และรถยนต์ ซูซูกิ สวิฟท์ ไซ จำนวน 1 คัน พร้อมของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้ลูกค้าของซูซูกิ และผู้อ่าน นสพ.สยามกีฬา และ นสพ.มวยสยาม ได้ร่วมส่งข้อความเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาไทย พร้อมร่วมสนุก และลุ้นรับโชค

ด้วยวิธีการร่วมสนุกง่ายๆ เพียงเขียนชื่อ, ที่อยู่, เบอร์ติดต่อ พร้อมข้อความ เชียร์ หรือให้กำลังใจนักกีฬาไทย โดยส่งผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้

1.เพียงท่านไปทดลองขับรถยนต์ ซูซูกิ ที่โชว์รูม ซูซูกิ ทั่วประเทศ สามารถรับคูปองทันที 1 ใบ พิเศษสุดสำหรับท่านลูกค้าที่จองรถยนต์ ซูซูกิ รุ่นใดก็ได้ รับคูปองทันที 10 ใบ เขียนชื่อ-ที่อยู่ พร้อมข้อความ “เชียร์ หรือ ให้กำลังใจนักกีฬาไทย” ส่งมาที่ ตู้ปณ.39 ปณจ.จรเข้บัว กรุงเทพฯ 10230 วงเล็บมุมซอง (ฝ่ายโฆษณาสยามกีฬา)
2.ตัดคูปองใน นสพ.สยามกีฬา และ นสพ.มวยสยาม เขียนชื่อ-ที่อยู่ พร้อมข้อความ “เชียร์ หรือ ให้กำลังใจนักกีฬาไทย” ส่งมาที่ ตู้ปณ.39 ปณจ.จรเข้บัว กรุงเทพฯ 10230 วงเล็บมุมซอง (ฝ่ายโฆษณาสยามกีฬา)
3.ส่ง SMS โดยพิมพ์ OL ตามด้วยข้อความ “เชียร์ หรือ ให้กำลังใจนักกีฬาไทย” ส่งมาที่หมายเลข 4890011 (ครั้งละ 3 บาท)

ทั้ง 3 ช่องทาง เริ่มส่งได้ตั้งแต่วันที่ 5 – 21 สิงหาคม 2559 โดยจับรางวัลในวันที่ 29 สิงหาคม 2559 และประกาศรายชื่อผู้โชคดีทาง นสพ.สยามกีฬารายวัน ฉบับวันที่ 9 กันยายน 2559

ยามาฮ่าแจกหนักผ่านแคมเปญใหญ่ “อะไหล่แท้ แจกจริง ปี 4″ สำหรับร้านซ่อมอิสระ รางวัลรวมมูลค่ากว่า 5 แสนบาท

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดแคมเปญ “อะไหล่แท้ แจกจริง ปี 4″ เพื่อเป็นการจูงใจ และกระตุ้นให้ร้านซ่อมอิสระทั่วประเทศเห็นถึงความสำคัญในการเลือกใช้อะไหล่แท้ในการให้บริการซ่อมรถจักรยานยนต์กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ให้ได้ผลิตภัณฑ์ของแท้ และมีคุณภาพ สำหรับกิจกรรม “อะไหล่แท้ แจกจริง ปี 4″ เริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2559 จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 โดยการจับรางวัลจะมีขึ้น 2 ครั้ง จับรางวัลครั้งที่ 1 ในวันที่ 2 กันยายน 2559 ประกาศผลวันที่ 20 กันยายน 2559 จับรางวัลครั้งที่ 2 ในวันที่ 2 ธันวาคม 2559 ประกาศผลวันที่ 20 ธันวาคม 2559 ประกาศผลทาง [www.yamaha-motor.co.th]

กติกาการร่วมลุ้นโชค

แคมเปญนี้เฉพาะร้านช่างซ่อมอิสระเท่านั้นที่มีสิทธิ์ลุ้นโชค เมื่อซื้ออะไหล่แท้ยามาฮ่า เขียน ชื่อร้านค้า ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และชื่อร้านที่ซื้อผลิตภัณฑ์ พร้อมติดสติ๊กเกอร์ YAMAHA Genuine Parts & Accessories ลงบนไปรษณียบัตร และส่งมาที่ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เลขที่ 64 หมู่ 1 ถ.บางนา-ตราด กม.21 ต.ศีรษะจรเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 10540 และวงเล็บมุมซองว่า (อะไหล่แท้ ปี 4)

รางวัล 1

รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า Spark 115i จำนวน 2 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 41,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 82,000 บาท

รางวัลที่ 2

สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง จำนวน 20 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 12,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 240,000 บาท

รางวัลที่ 3

ชุดเคมีภัณฑ์สำหรับบำรุงรักษา จำนวน 600 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 390 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 234,000 บาท

Honda Safety Riding Park อบรมขับขี่ปลอดภัยให้ตำรวจภูเก็ต กว่า 500 นาย

Honda Safety Riding Park ภายใต้การดำเนินงานโครงการฮอนด้ าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย โดยบริษัท เอ. พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ าในประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดโครงการอบรมการขับขี่รถจัก รยานยนต์เบื้องต้นแก่ข้าราชการตำ รวจ (CBR300R) เพื่อเพิ่มทักษะ ความชำนาญ ความปลอดภัยในการขับขี่ เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปร าบปราม และงานจราจร รวมถึงการขับขี่ติดตามจับกุมผู้ กระทำความผิด ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย “Honda Safety Riding Park” จังหวัดภูเก็ต

นายอัครเดช โรจน์สิรวรพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานวางแผนธุรกิจ และส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “นับเป็นความภาคภูมิใจของ เอ.พี.ฮอนด้า ที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนการดำ เนินกิจกรรมภายใต้โครงการ “อบรม การขับขี่รถจักรยานยนต์เบื้องต้ นแก่ข้าราชการตำรวจ (CBR300R)” ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำ รวจภูธรจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมอบ รมทั้งสิ้น 10 รุ่น รวม 500 นาย ที่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย “Hond a Safety Riding Park” จังหวัดภูเก็ต เพื่อเพิ่มทักษะ ความชำนาญและเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปราม เพื่อดูแลความสงบสุขของประชาชน

โครงการ “อบรมการขับขี่รถจักรยานยนต์เบื้องต้นแก่ข้าราชการตำรว จ (CBR300R)” ในครั้งนี้ สอดคล้องกับพันธกิจหลักขององค์ กรที่มุ่งหวังจะสร้างความปลอดภั ยสู่สังคมไทย ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ดีของสัง คม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “เอ.พี.ฮอนด้า ตระหนักดีว่า การส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย คือส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบขอ งเรา จึงได้ริเริ่มดำเนินกิจกรรมเผยแ พร่ความรู้ขับขี่ปลอดภัยสู่สั งคมไทย ภายใต้สัญลักษณ์ Safety Thailand มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2532 ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 2 7 ปี ได้เผยแพร่ความรู้ขับขี่ปลอดภัย สู่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปกว่า 20 ล้านคน ปัจจุบันฮอนด้ามีศูนย์ฝึกขับขี่ ปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งท างบก ให้เป็นโรงเรียนสอนขับรถที่สามา รถอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุ ญาตขับรถจักรยานยนต์ได้ โดยเป็นศูนย์ที่ฮอนด้าลงทุนเอง 4 แห่ง เป็นของร้านผู้จำหน่ายจำนวน 11 แห่ง นอกจากนี้ ยังสนับสนุนนโยบายรัฐบาล รณรงค์ป้องกัน ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาล ทั้งปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขต่อสังค มโดยรวม

ด้าน พลตำรวจตรี ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภู เก็ต กล่าวว่า ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้รับมอ บรถจักรยานยนต์ CBR300R จำนวน 140 คัน จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติภารกิจ ต่างๆ และในโอกาสที่ตำรวจภูธรจังหวัดภู เก็ต ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนคือ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด และ บริษัท ภูเก็ตนำแสง จำกัด ที่ได้สนับสนุนการดำเนินกิจกรรม การฝึกอบรมในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มทักษะการขับขี่ให้กับ ข้าราชการตำรวจในพื้นที่แล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิ บัติหน้าที่ และสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ แก่บุคลาการของรัฐอีกด้วย

พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวั ดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า โครงการ “อบรมการขับขี่รถจักรยา นยนต์เบื้องต้นแก่ข้าราชการตำรวจ (CBR300R)” เพื่อเพิ่มทักษะความ ชำนาญในการขับขี่ให้ข้าราชการตำ รวจ สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่ อการปฏิบัติหน้าที่ได้จริง ทั้งงานป้องกันและปราบปรามและงา นจราจรในการขับขี่ขณะปฏิบัติหน้ าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลับมาแล้ว! Triumph แบรนด์ดังกลับมาแล้วพร้อมพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่

Triumph ค่ายรถระดับตำนานทางด้านมอเตอร์ไซค์ของประเทศสหรัฐอเมริกานั้นล่าสุดได้กลับมาแล้วในการเปิดตัวเครื่องยนต์รุ่นใหม่ของพวกเขาในประเทศสหรัฐอเมริกา
รถต้นแบบดังกล่าวนั้นมีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 25.5 ฟุต (777.24 cm) ทางด้านยาว, กว้างทั้งสิ้น 2 ฟุต (60.96 cm) และมีความสูงทั้งสิ้น 3 ฟุต (91.44 cm) โดยมีชื่อเรียกว่ารถแบบ “Triumph Infor Rocket Streamline”

รถแบบ Triumph Infor Rocket Streamline นั้นจะมาพร้อมกับวัสดุอย่างคาร์บอนไฟเบอร์รอบทั้งคัน, การตกแต่งโดยเคฟลาร์ลายสวยงาม รวมไปถึงเครื่องยนต์ในแบบเทอร์โบชาร์จ (turbocharged Triumph Rocket III) ที่ให้กำลังมากถึง 1,000 แรงม้า ที่ความเร็วรอบทั้งสิ้น 9,000 rpm.

Triumph เองนั้นกำลังพัฒนาเครื่องยนต์ในหลายๆต้นแบบอยู่ เช่น Devil’s Arrow, Texas Cee-ger, Dudek Streamliner และ Gyronaut X1 โดยความเร็วสูงสุดที่ทำได้นั้น ได้แก่ 245.667 ไมล์ (395.28 กม./ชม.) โดย Rocky Robinson ทำสถิติไว้

ใหม่ HONDA SUPER CUB 2016-2017 ราคา ฮอนด้า ซูเปอร์ คับ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

NEW HONDA SUPER CUB 2016 ใหม่ รถจักรยานยนต์ที่นำกลิ่นอายความเก๋าจากปี 1958 มาผสานกับเทคโนโลยีการขับขี่ในยุคปัจจุบันอย่างลงตัว ภายใต้คอนเซปต์ “เก๋าเจแปนนิส ฮิตไม่มีเอ้าท์” โดนใจคอเรโทรด้วยสีสันใหม่ 5 แบบ 5 สไตล์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยแบบครบครัน เริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

HONDA SUPER CUB 2016 ใหม่  ใช้งานสะดวกด้วยระบบสตาร์ทมือ บรรทุกนุ่มนวลด้วยโช้กหลังโครเมียมขนาดใหญ่ที่สามารถปรับระดับได้ และมีระบบกุญแจนิรภัย 2 ชั้น เพื่อความอุ่นใจทุกครั้งที่จอด

ราคา HONDA SUPER CUB ฮอนด้า ซูเปอร์ คัพ (สตาร์ทมือ/ดรัมเบรกหน้า) ราคา 42,500.

ราคา ฮอนด้า ซูเปอร์ คับ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

– เก๋าตั้งแต่ปี 1958 โลโก้ใหม่ เก๋าแบบต้นตำรับ เพื่มความพรีเมื่ยมด้วยโลโก้แบบนูนสีโรสโกลด์

– เก๋าเซฟๆ กุญแจนิรภัย 2 ชั้น มันใจทุกครั้งที่จอด

– เก๋าเกินใคร แผงหน้าปัดล้ำสมัยครบครัน พร้อมไฟบอกตำแหน่งเกียร์ชัดเจน

– เก๋าทันใจ กันสวิตซ์สตาร์ทมือสตาร์ทง่ายเบาแรง

– เก๋าแบบนุ่นนวล โช๊คหลังขนาดใหญ่แบบโครเมียม ปรับได้ 2 ระดับ

Colors สี HONDA SUPER CUB 2016
HONDA SUPER CUB 2016 มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ 1.สีเขียว – ขาว 2.สีน้ำตาล – ขาว 3.สีชมพู – ขาว 4.สีแดง – ขาว 5.สีน้ำเงิน – ขาว

HONDA SUPER CUB  สีเขียว – ขาว

HONDA SUPER CUB สีน้ำตาล – ขาว

HONDA SUPER CUB สีชมพู – ขาว

HONDA SUPER CUB สีแดง – ขาว

HONDA SUPER CUB สีน้ำเงิน – ขาว

Specification HONDA SUPER CUB 2016

ใหม่ KAWASAKI Ninja ZX-10R 2016-2017 ราคา คาวาซากิ  Ninja ZX-10R ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

KAWASAKI  มาในปีนี้ 2016 ได้ทำให้โลกต้องหยุดมองเพราะมีการปรับเปลี่ยน และนำเทคโนโลยีจากสนามเข้ามาใช้ในรุ่นนี้ด้วย ชื่อของเค้าคือ Kawasaki Ninja ZX-10R (คาวาซากิ นินจา แซตเอ็ก-10อาร์) แค่คำว่านินจาก็ทำให้ทุกคนพอจะนึกภาพออกแล้วนะครับว่าเป็นเช่นไร

Kawasaki Ninja ZX-10R ราคา
ราคา Kawasaki Ninja ZX-10R คาวาซากิ Kawasaki Ninja ZX-10R   679,000.

ราคา Kawasaki Ninja ZX-10R ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์


Colors สี KAWASAKI Ninja ZX-10R
KAWASAKI Ninja ZX-10R มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ 1.Lime Green (สีเขียว-ดำ) 2.สีเทา-ดำ

KAWASAKI Ninja ZX-10R Lime Green (สีเขียว-ดำ)

KAWASAKI Ninja ZX-10R สีเทา-ดำ

Specification KAWASAKI Ninja ZX-10R

รีวิว 2016 KTM 690 Duke R ที่สุด สูบเดี่ยว แรงดิบ จัดเต็มเทคโนโลยี

เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาในงาน EICMA 2015 ทาง KTM ได้ทำการเปิดตัวสุดยอดรถ 1 สูบ อย่าง 2016 KTM 690 Duke R ใหม่ แม้ดูจากภายนอกแล้วเหมือนแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่ทว่าที่จริงแล้ว ถือเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่แบบ Big Minorchaged เลยก็ว่าได้ จากการเสริมเทคโนโลยี และการปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่

หลังจากนั้นทาง Burn Rubbers ผู้แทนจำหน่าย KTM อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ก็ได้เผยโฉม 2016 KTM 690 Duke R ใหม่เป็นครั้งแรกในไทยในงานเปิดตัว KTM Flagship Store เมื่อต้นเดือน มค. ที่ผ่านมา

และวันนี้เอง 9carthai เราได้มีโอกาสดีที่จะมาสัมผัสกับเจ้าราชา 1 สูบ กับรีวิว 2016 KTM 690 Duke R กันครับ

2016 KTM 690 Duke R ถือเป็นรถ Naked Bike พี่ใหญ่จากตระกูล Duke ที่ยังคงใช้เครื่องยนต์ 1 สูบ หากดูเผินๆ ภายนอกนั้นแทบจะไม่แตกต่างจากโฉมเดิม นอกเสียจากลายกราฟฟิคใหม่ โดยปี 2016 Duke R คันนี้จะเป็นสีดำ เฟรมส้ม ล้อส้ม และในรุ่น Duke R นี้สวมท่อไอเสียแต่งจาก Akrapovic และไฟเลี้ยวแบบ LED

ล้อ Forge 17” ลาย 10 ก้านสีส้ม สวมยาง Metzeler M7RR ยางหน้าไซส์ 120/70/R17 และ หลัง 160/60/R17

จุดเด่นของโมเดลปี 2016 คือ หน้าจอสี TFT ที่แสดงผลและมีระบบอิเล็กโทรนิกที่ถือเป็นลูกเล่นอย่างครบครัน
วัดความเร็วตัวเลขดิจิตอล, วัดรอบเป็นสเกล, ตำแหน่งเกียร์, นาฬิกา, อุณหภูมิภายนอก, Odo, เกจ์น้ำมัน, ระดับความร้อนเครื่อง

Drive Mode ปรับได้ 3 รูปแบบ Rain, Street, Sport

MTC + MSR (Motorcycle Traction Control + Motor Slip Regulation)

ABS ซึ่งเลือกได้ว่าเป็น Road หรือ Super Moto

มีการเซ็ทตั้งค่าหน่วยของระบบวัดต่างๆ มี Shift Light สามารถเซ็ทไฟเตือนการเปลี่ยนเกียร์ได้

Trip 1, 2 ที่บอกผลและค่าเฉลี่ยต่างๆในการขับขี่

ชุดสวิทช์ไฟซ้ายใช้ควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ บนหน้าจอ TFT ปลอกมือ Domino

ก้านคลัชจาก Magura ปรับระดับโดยการหมุน ก้านเบรก Brembo ปรับระดับได้โดยการหมุนเช่นกัน

ด้านมิติตัวรถ 690 Duke R

มีน้ำหนักสุดแสนเบา Dry Weight เพียง 147.5 กก. ต้องขอบคุณการใช้เฟรมเหล็ก Trellis ที่ผลิตจาก Chromium-Molybdenum ซึ่งทำให้เฟรมหนักเพียง 9 กก. ขณะที่ สวิงอาร์มหนักเพียง 4 กก.

ความสูงเบาะ 865 มม.

ความจุถังน้ำมันราว 14 ลิตร

สำหรับท่านั่งขี่

690 Duke R ถือได้ว่ามีท่านั่งไปทางรถ Moto มากทีเดียว จากตำแหน่งเบาะที่สูง แฮนด์กาง

ตำแหน่งแฮนด์ที่ค่อนข้างเตี้ย แต่ทว่าตำแหน่งนั้นดูจะสูงกว่าระดับกระจกรถยนต์ขนาดเล็กทั่วไป จึงช่วยให้การขี่รถผ่านช่องจราจรที่เป็นรถขนาดเล็กสามารถผ่านพ้นไปได้พอดี แต่จะชนพอดีกับรถยนต์ระดับ Compact ขึ้นไป

สำหรับการวางแขนนั้นตำแหน่งข้อศอกจะออกตึงไม่งอนัก ถ้าจะให้ได้ท่านั่งในการควบคุมที่ดี ควรจะต้องนั่งชิดถังน้ำมันให้มาก และโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย จึงจะได้ท่าทางการขับขี่ควบคุมที่ดี

ในส่วนของตำแหน่งเว้ารับกับเข่าตรงถังน้ำมัน ก็ทำได้กระชับดีไม่น้อย และด้วยน้ำหนักที่เบาทำให้การพลิกรถทำได้คล่องแคล่ว

ขณะที่ตำแหน่งวางเท้านั้นดูจะถูกยกสูงในแบบรถสปอร์ตมากกว่า

เบาะผู้ซ้อน นั่งได้ค่อนข้างสบาย จากชิ้นเบาะที่ค่อนข้างกว้าง ท้ายที่ไม่โด่งมาก และเบาะที่ไม่ปาดเฉียงขึ้นมาก จึงทำให้อยู่ในระนาบ เทียบแล้วนั่งสบายกว่า Duke 390 มากทีเดียว แต่ด้วยตำแหน่งพักเท้าที่สูงจึงอาจทำให้ผู้ซ้อนที่มีส่วนสูง ก็อาจจะเมื่อยจากการงอเข่ามากหน่อย

เครื่องยนต์ LC4 ใหม่ ได้รับการพัฒนาจากเดิมและเปลี่ยนองค์ประกอบเครื่องยนต์ใหม่มากกว่า 55% จุดเด่นของเครื่องยนต์ปี 2016 นี้ คือ การติดตั้ง Balancer ตัวที่ 2 เพิ่มเข้าไป ช่วยให้เครื่องยนต์สมูทขึ้น ลดการสั่นลง รวมไปถึงเปลี่ยนหัวลูกสูบใหม่ ช่วยเพิ่มแรงม้าขึ้น 7% และแรงบิด 6%

ขณะที่ Redline ของเครื่องยนต์ เพิ่มขึ้นอีก 1,000rpm ช่วยให้ช่วง Powerband นั้นกว้างขึ้น

นอกจากนี้ยังมี Riding Mode 3 Mode ซึ่งจะควบคุมการตอบสนองของระบบส่งกำลังและการเปิดของคันเร่งไฟฟ้า Ride by Wire ให้เหมาะสม

โดยรวมแล้วเครื่องยนต์ 690 Duke R ถือว่าเป็นเครื่องยนต์สูบเดี่ยว 4 จังหวะที่มีสมรรถนะที่ดีที่สุดในตลาดขณะนี้ ด้วยเครื่องยนต์พิกัด 692.7cc แต่สร้างกำลังได้ถึง 75 แรงม้า@8,000rpm แรงบิดอยู่ที่ 74 Nm@6,500rpm โดยรุ่น R นี้มากับท่อไอเสีย Slip-on ของ Akrapovič

*รุ่น 690 Duke ปกติ จะมีกำลัง 73 แรงม้า เนื่องจากใช้ท่อไอเสียปกติ

ทันทีที่ติดเครื่องยนต์ อาการสั่นเครื่องยนต์ตั้งแต่เดินเบามาให้สัมผัสกันในแบบ 390 Duke สำหรับการเปลี่ยนท่อไอเสีย Akrapovic แล้วก็จริง แต่การใส่ Silencer ที่อุดปลายทำให้เสียงนั้นดูอัดอั้น และแตก แผ่ดๆ ฟังดูไม่ไพเราะนัก เอาล่ะกำคลัชออกตัวกันเลย เมื่อคุณปรับหมุนตำแหน่งก้านคลัชให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วจะพบว่าน้ำหนักคลัชนั้นนิ่มดีใช้ได้

แม้ว่าเครื่องจะปรับใหม่ให้สมูทขึ้น แต่ความจริงที่ยังต้องยอมรับ คือ เครื่องยนต์ยังมีอาการกระตุกสั่นที่รอบต่ำไม่น้อย การเปิดเดินคันเร่งในช่วงออกตัวที่รอบต่ำ จึงมีจังหวะกระตุกอยู่บ้าง ซึ่งเราพบว่า ไม่ควรเลี้ยงคันเร่งในช่วงรอบต่ำกว่า 2500rpm ควรเปิดคันเร่งทีเดียวเกิน 3,000rpm เลยจะคุมคันเร่งได้ง่ายกว่า

กำลังของเครื่องยนต์นั้น จะมาให้สัมผัสกันในช่วงรอบกลาง สไตล์เดียวกับ Duke 390 โดยทอร์คจะมาชัดช่วง 4,500-7,000rpm ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเหลือๆ เพียงพอต่อการใช้งาน แต่จุดหนึ่งที่ควรระวังก็คือ ตัวรถนั้นสูง และน้ำหนักเบา การกระแทกเปิดคันเร่งหนักๆ โดยเฉพาะโหมด Sport นั้นคันเร่งติดมือ การเปิดของลิ้นคันเร่งไฟฟ้ามาอย่างเร็ว ซึ่งหากคุมรถไม่ดีรถอาจมีอาการเซท้ายส่ายได้

รวมไปถึงการขี่ลาดรอบเครื่องที่รีดแรงม้าสูงสุดระดับ 8-9,000rpm ช่วงนี้แม้แรงม้าจะเพียง 75 ตัว แต่ด้วยตัวรถที่ดูเบา และสูงโด่ง จึงให้ความรู้สึกเบาจนตัวแทบปลิวมีมาก การยึดเกาะตัวรถต้องยึดจับให้แน่นมั่นคงกว่ารถมิดไซส์คันอื่นๆ ที่มีพิกัดตัว 200 กก.

สำหรับความเร็วในการเดินทางที่ไม่ตึงเครียดกับอาการที่สั่นของเครื่องสูบโต นี้ อยู่ในช่วง 130 กม./ชม. ซึ่งความเร็วกำลังอยู่ในเกณฑ์พอดี ไม่ตึงเครียดนัก ขณะที่ความเร็วปลายผู้เขียนได้มีโอกาสลองกดไปถึงระดับ 180 กม./ชม. ซึ่งพบว่ากำลังเครื่องยนต์น่าจะไปได้อีกพอสมควร น่าจะแตะระดับ 200 กม./ชม. แต่ด้วยท่านั่งที่ดูโต้ลมไม่น้อย ซึ่งอาจต้องหนีบถังให้แน่นและหนีบข้อศอกและก้มคอลงให้ดีเพื่อความมั่นคงจากรถที่น้ำหนักเบาเพียง 150 กก. คันนี้

สำหรับระบบ MSR ที่เข้ามาช่วยป้องกันล้อหลัง Slip (ทำงานคล้าย Slipper Clutch) ทำให้จังหวะ Shift Down (ลดเกียร์ลงอย่างรวดเร็ว) ล้อหลังไม่ล๊อก รถไม่ส่าย คุมได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ระบบ Cornering ABS และ MTC จะเข้ามาช่วยให้คุณเข้าโค้งได้อย่างปลอดภัยขึ้นไร้กังวล หากคุณเผลอเบรกหนักๆในโค้ง หรือเปิดคันเร่งออกโค้งหนักเกินไป ระบบ MTC ก็จะเข้ามาช่วยตัดกำลังเครื่องเพื่อความปลอดภัยอย่างเหมาะสม

เรียกได้ว่า สมรรถนะดีขึ้น แต่ควบคุมรถได้ง่ายปลอดภัยกว่าเดิม

สำหรับความร้อนของ 690 Duke R นั้น แม้จะมีแผงหม้อน้ำขนาดใหญ่ด้านหน้า แต่เราก็สัมผัสไอร้อนที่แผ่ออกมาทางเท้าขวา ค่อนข้างมากทีเดียว ซึ่งหากขี่ในเมืองรถติดๆ สเกลความร้อนจะพุ่งขึ้นมาจนเกือบแตะขีดบนๆ เลย ซึ่งแนะนำให้ดับเครื่องหากต้องจอดรถติดเป็นเวลานานในเมือง

ระบบกันสะเทือน WP Suspension หน้า Up Side Down ขนาดแกน 43 มม. ปรับ compression และ Rebound ได้โดยหมุนได้ที่แกนโช้คทั้ง 2 ฝั่ง

สีขาวฝั่งซ้ายปรับ Compression สีแดงฝั่งขวาปรับ Rebound ซึ่งปรับได้ง่ายสะดวก

ด้านหลัง WP Pro Lever Linkage Monoshock ที่มาพร้อมกระปุกรีโมท สามารถปรับได้ครอบคลุม ทั้ง Spring preload, high/low-speed compression และ Rebound แต่การปรับโช้คหลังนี้ ดูจะยากไปเสียหน่อยเนื่องจากติดเฟรมถัก

โดยรวมการใช้งานนั้น ด้วยช่วงล่างที่หนึบแน่นของ WP ที่มีระยะเคลื่อนตัวไม่น้อยถึง 150 มม. ทั้งหน้า-หลัง และด้วยบอดี้ที่เบาและสูงในแบบรถ Super Moto ทำให้การควบคุมเจ้า Duke R คันนี้เป็นไปได้อย่างสนุก และมีแฮนด์ลิ่งที่คม นอกจากนี้โช้คหลังที่ปรับ hi-low Speed Compression ได้ช่วยให้ มันรองรับการขับขี่ได้กว้างตั้งแต่เน้นนั่งสบาย ไปยันใช้งานใน Track

ระบบเบรก ABS จานหน้าดิสก์เดี่ยวขนาด 320 มม. ปั๊มเบรก Radial Brembo Monobloc 4 ลูกสูบ (M50)

เบรกหลังจานเดี่ยว 240 มม. ปั๊มเบรก Brembo 1 ลูกสูบ

มาพร้อมระบบ ABS จาก Bosch ที่สามารถปิดได้ และมี 2 โหมด ให้เลือใช้ Road และ Super Moto

ซึ่ง Super Moto ABS จะทำงานเฉพาะล้อหน้า ให้คุณคุมเบรกหลังให้ล้อล๊อกได้ตามต้องการ

การใช้งานชะลอความเร็ว แม้จะเป็นแค่จานหน้าเดี่ยว แต่ทว่ากลับทำหน้าที่ได้ดีจนรู้สึกดีกว่า รถตระกูล 650cc จากญี่ปุ่นบางรุ่นเสียอีก ขณะที่ ABS 2 Channel ให้การตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ยามที่ต้องกำเบรกอย่างกะทันหัน

สรุป 2016 KTM 690 Duke R จัดได้ว่าเป็นรถ 1 สูบ Naked ที่สูงโด่ง และเพรียวบาง ในแบบรถ Super Moto

ขี่สนุก เบาพลิ้ว ทรงพลังที่สุดในรถ 1 สูบ แม้หน้าตาแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่โฉมปี 2016 นี้ต้องถือเป็น Big Changed ทั้งในด้านสมรรถนะเครื่อง และเทคโนโลยีที่เกินใครในระดับเดียวกัน จนสามารถนำไปเทียบเท่ารถคลาส 1200 อย่าง Super Duke ได้เลย เอาเป็นว่า 2016 KTM 690 Duke R นี่ถือเป็น King of 1 Cylinder อย่างแท้จริง แต่ด้วยราคานำเข้าที่โดนภาษี ไม่น้อยจึงทำให้ราคามันแพงกว่า F800R, Street Triple R, Monster 821 ถึง 2 แสนบาทเลยทีเดียว

ซึ่งถ้าคุณเป็นสาวกเลือดสีส้ม Ready to Race อย่างแท้จริง ต้องการรถน้ำหนักเบา ขี่สนุกและไม่เหมือนใคร เทคโนโลยีจัดเต็มแล้ว 690 Duke R นี่ล่ะตอบโจทย์คุณที่สุด

จุดเด่น

• น้ำหนักตัวที่เบา ควบคุมง่าย
• หน้าจอแสดงผล TFT ที่สามารถปรับเซ็ทค่าต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม
• เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย อัดแน่นเทียบเท่ารถพิกัด 1200

จุดที่อยากให้มีเพิ่มเติม

• สวิทช์ไฟฉุกเฉิน
• ดีไซน์ไฟหน้า-ท้าย และกระจก ที่ดูทันสมัยกว่านี้
• สติกเกอร์ลายกราฟฟิคที่เรียบเนียนกว่านี้

ขอขอบคุณ Burn Rubbers สำหรับรถ KTM Duke 690 R ราคา 6.799 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai

รีวิว Suzuki GSX-S1000/S1000f   “Blue Twin” คู่หูคลาสพัน หัวใจสปอร์ต

เมื่อปีที่แล้ว ส.ค. 2015 ปีที่ผ่านมาทาง Thai Suzuki ได้เปิดตัวรถคลาส 1000 ใหม่ 2 รุ่น 2 สไตล์ ได้แก่ Suzuki GSX-S1000 และ Suzuki GSX-S1000F ซึ่งเปิดตัวภายหลังจาก EICMA 2014 โดยการเปิดตัวในปีที่แล้วนั้น สร้างความน่าตื่นเต้นให้แก่วงการรถคลาส 1000 ไม่น้อย เพราะว่าเป็นรถ Bigbike 1000cc ที่มีราคาต่ำที่สุด (ณ ขณะนั้น) 5.79 แสนบาท และ 5.99 แสนบาท สำหรับ 100 คันแรก หลังจากนั้นก็ได้ปรับเป็นราคาปกติ โดยเพิ่มขึ้นมาอีก 2 หมื่นบาท ต่อรุ่น

และในวันนี้เราได้มีโอกาสมารีวิวทดสอบ คู่แฝดคลาสพัน 4 สูบ จาก Suzuki กันเสียทีกับ รีวิว Suzuki GSX-S1000/S1000f 2 ฝาแฝด Blue Twin กันครับ

ทั้ง Suzuki GSX-S1000 และ Suzuki GSX-S1000F ถือเป็นรถ Naked และ Sport Touring ซึ่งมีบอดี้ลำตัวที่เหมือนกันเกือบทั้งคัน ยกเว้นเฉพาะในส่วนด้านหน้าที่ต่างกัน

S1000 เป็นโฉมเปลือย แฟริ่งด้านหน้า จะแยกกัน 3 ชิ้น ชุดไฟหน้า ปีกข้าง และอกล่าง ไฟเลี้ยวจะอยู่ด้านบนแผงคอ

กระจกมอง S1000 ต้องปรับทั้งตัวกระจก ในแบบรถจักรยานยนต์ทั่วๆไป

S1000f แฟริ่งด้านหน้า จะรวมเป็นชิ่นเดียว ขณะที่ไฟเลี้ยวของ S1000f จะตกมาอยู่ที่แฟริ่งด้านข้าง

กระจก S1000f จะปรับได้จากใบกระจกด้านใน ในแบบรถยนต์ และกระบะรุ่นเก่า

*S1000 (Naked) คันที่เราได้นำมาทดสอบนั้น ได้มีการติดตั้งวินชิลด์แต่งสีดำ

ชุดแผงหน้าปัดแสดงผลแบบ LCD วัดรอบเครื่องยนต์สเกลในแนวนอนด้านบน (Redline 11,5000pm), มาตราวัดความเร็วตัวเลขดิจิตอล, นาฬิกา, แสดงตำแหน่งเกียร์, วัดอุณหภูมิเครื่องยนต์, เกจ์น้ำมัน, แสดงอัตราการสิ้นเปลืองเฉลี่ย และ Real Time, ระยะทางคงเหลือที่วิ่งได้ และ Traction Control ปรับได้ 3 ระดับ

สวิทช์ไฟซ้าย มีปุ่มควบคุมใช้เลือกปรับโหมด TCS และมีปุ่มไฟสูง ซึ่งการปรับตั้งค่าอื่นๆ จะต้องปรับที่ชุดมาตรวัด

ก้านเบรกปรับได้ 6 ระดับ ฝั่งคลัชไม่สามารถปรับได้

แฮนด์บาร์อลูมีนัม จาก Renthal Fatbar ชื่อดังจากอังกฤษ เบา แต่แข็งแรง

ล้ออลูมีนัม 6 ก้านจาก Enkei สวมยาง Dunlop Sportmax ไซส์ 120/70/R17 ด้านหน้า, 190/50/R17 ด้านหลัง

Suzuki GSX-S1000/S1000f
ทั้งคู่มีความสูงเบาะเพียง 810 มม.
น้ำหนัก Dry Weight ที่ 209 / 214 กก. (S1000/S1000f) ถือเป็นจุดเด่น เกินกว่าเพื่อนคลาส 1000 คันอื่น เพราะน้ำหนักตัวเทียบเท่ารถพิกัด 650cc
ความจุถังน้ำมัน 17 ลิตร

ในด้านของท่านั่ง ทั้ง S1000 และ S1000f จะมีท่านั่งที่เหมือนกัน ด้วยการใช้ Fatbar Hand จาก Renthal และมีระดับแฮนด์บาร์ที่ไม่สูงไม่ต่ำเกินไป ข้อศอกงอพอประมาณ จึงทำให้มันขี่ทางไกลได้อย่างผ่อนคลาย  และรวมไปถึงการควบคุมรถในจังหวะเลี้ยวที่ดี ตำแหน่งวางเท้าที่ไม่งอ และไม่ตึงจนเกินไป

แต่อาจสัมผัสได้ถึงความต่างเล็กน้อย คือ S1000 หน้าสั้นกว่า น้ำหนักในการคุมอยู่ชิดถังน้ำมันใกล้ลำตัว ให้ความกระชับคล่องตัวขณะเลี้ยวซอกแซก

สำหรับ S1000f หน้ายาวกว่าเล็กน้อยจากชุดแฟริ่ง อาจไม่กระฉับกระเฉงเหมือนตัว Naked แต่ให้ความมั่นคงกว่าเมื่อขี่ด้วยความเร็ว และการควบคุมรถในโค้งกว้าง

เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุ 999cc ที่พัฒนาจากเครื่อง Suzuki GSX-R1000 2005-2008 เนื่องจากมีช่วงชักยาว, ห้องเผาไหม้ขนาดเล็กกะทัดรัด Detuned ลงให้จาก Track to Street มีข้อโดดเด่นในการส่งกำลังที่ดีในรอบต่ำและกลาง มีกำลังสูงสุด 145 แรงม้า (107 kw) @10,000rpm และแรงบิด 106Nm @9,500rpm

กำคลัช เตะเกียร์เตรียมออกตัว พบว่าน้ำหนักคลัชไม่หนักมือเท่าไร และการเข้าเกียร์ก็ทำได้ไม่ยาก เกียร์ไม่แข็ง รวมไปถึงการหาตำแหน่งเกียร์ว่างก็หาง่ายในแบบรถญี่ปุ่นทั่วๆไป ลองเบิ้ลคันเร่ง หืม… ใช่เลย ซุ่มเสียงดุดัน เร้าใจดีทีเดียว จากปลายท่อไอเสียออกข้างที่มีรูปทรงปลายตัดเฉียงสั้น

เมื่อเปิดคันเร่งออกตัว การตอบสนองคันเร่งช่างลื่น สมูท นุ่มนวลกว่า ค่ายเขียว ที่เราได้เคยทดสอบไป ไม่มีกระชากแต่อย่างใด นิสัยดูเชื่องมือ แต่ก็แรงตามสั่ง

ขณะที่พละกำลังนั้นไม่ได้ด้อยกว่าอย่างแน่นอน แม้จะขึ้นแบบนิ่มๆ หากขี่แบบชิลๆ เปลี่ยนเกียร์ได้ทันทีตั้งแต่รอบเครื่อง 2-3000rpm
การขี่แบบ Street Bike คุณสามารถใช้รอบเครื่องในช่วงไม่เกิน 5,000rpm ก็รีดกำลังออกมาได้เพียงพอต่อการเร่งแซง

หรือ การชะลอรถในเกียร์สูงๆ อย่างเกียร์ 5-6 ในบางครั้งที่รอบเครื่องระดับ 4-5,000rpm นี้ คุณไม่จำเป็นต้อง Shift Down (ลดเกียร์ลง) เพื่อรีดกำลังเพิ่ม เพราะพละกำลังที่มีอยู่นั้นเพียงพอต่อการเปิดคันเร่งเพื่อเร่งแซงได้ในเกียร์สูงๆ

สำหรับในช่วงความเร็วปลาย เราได้มีโอกาสลองกดดูเล่นๆ ถึงความเร็วระดับ 210 กม./ชม. @10,000rpm หากดูจากพละกำลังและรอบเครื่องที่ยังพอเหลือน่าจะทำ Top Speed ได้ในช่วง 230-240 กม./ชม.

ขณะที่ไอความร้อน ถือว่าทำได้ดีกว่าเพื่อนคลาสพัน ค่ายอื่นเล็กน้อย ถ้าขี่เดินทางไกลไม่มีปัญหาเรื่องมาตรวัดความร้อนขึ้นแต่อย่างใด

ด้านอัตราสิ้นเปลืองนั้น ทำได้ที่ราว 18 กม./ลิตร จากการยืนพื้นด้วยความเร็วเฉลี่ย ราว 120 กม./ชม. แต่มีทำเร่งแซง และความเร็วสูงบ่อยครั้ง

ระบบกันสะเทือน

แชสซีส์อลูมีนัม ที่มีน้ำหนักเบากว่า GSX-R1000 เสียอีก + สวิงอาร์มอัลลอย อานิสงค์จาก

โช้คอัพหน้าขนาดแกน 43มม. แบบ inverted fork จาก KYB ปรับระดับได้เต็มพิกัด

โช้คอัพหลังเดี่ยว วางตั้ง ซึ่งการวางโช้คในแบบนี้ให้สไตล์การขี่ที่นุ่มนวล เหมาะกับการเป็น Street Bike เดินทางและใช้งานในชีวิตทุกวันได้อย่างแท้จริง

การซับแรงทำได้ดีพอควร แม้ช่วงรีบาวน์คืนตัวของโช้คหลังมากไปนิด แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพลิกโค้งแต่อย่างใด การควบคุมรถ ทำได้อย่างคล่องแคล่วเกินหน้าเกินตารถ Street Bike คลาส 1000 คันอื่นๆ

นอนจากนี้ ขณะที่การขี่ด้วยความเร็งสูงนั้น ยังไม่พบอาการยุบย้วยแต่อย่างใด เพียงแต่อาจไม่ถูกใจพวกที่ต้องการความเฉียบคมในจังหวะเข้าโค้งที่หนักหน่วงนัก หรือจะว่าง่ายๆ เอาไปขี่ Track Day นานๆ ครั้งน่าจะ OK แต่ถ้าเอาไปใช้ลงแข่ง หรือแบบ Racing จริงจังอาจจะยังไม่เหมาะนัก

ระบบเบรก ABS แบบทวินดิสก์ขนาด 310 มม. พร้อมด้วย Radial Mount Caliper Brembo Monobloc 4 พอร์ต ซึ่งเป็นคาลิปเปอร์ชนิดเดียวกันกับ GSX-R1000 ซึ่งประสิทธิภาพในการชะลอความเร็วนั้นจึงให้ความมั่นใจได้ดี

แต่ทว่าน้ำหนักปั๊มเบรกนั้นยังไม่ดูแน่นหนึบมือมากนัก หากเทียบกับคู่แข่งที่เป็นเบรก Radial Monobloc แต่ใช้ปั๊มเบรกบนลอย ซึ่งมันยังไม่อาจเทียบกับน้ำหนักของเบรกรถ Superbike GSX-R1000

ฟีลลิ่งน้ำหนักของก้านเบรกนั้นจะไปทางตระกูล 650 อย่าง Gladius, V-Strom เสียมากกว่า แต่ทว่าพละกำลังของคาลิปเปอร์เบรกที่หนักหน่วงในการชะลอความเร็วมีประสิทธิภาพกว่า

กล่าวคือ การเซ็ทลักษณะแป้นเบรกที่ดูต้องลงลึก ไม่หนึบมือเช่นนี้อาจจะดูเหมาะแก่รถที่ไม่มี ABS (หรือปิดระบบ ABS ได้) มากกว่า

สรุป Suzuki GSX-S1000/S1000f 2 คู่หู 4 สูบคลาสพันในร่าง Naked Street และ Sport Touring ที่ได้อานิสงค์การใช้ชิ้นส่วนมาจาก Superbike GSX-R1000 อย่างมากมาย ซึ่งทำให้มันเป็นรถ Street Bike ที่สมบูรณ์แบบ แม้รูปลักษณ์ หลายคนอาจมองว่าไม่โดนใจ หรือดูไม่ล้ำ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะจุดเด่นอันมากมาย ทั้งความเบา ที่ทำให้ควบคุมง่าย และคล่องแคล่วราวกับรถพิกัด 650cc พร้อมบุคลิกนิสัยที่เชื่องมือเป็นมิตร

นั่นจึงทำให้ GSX-S1000/S1000f เหมาะกับผู้ที่เน้นการขี่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงขี่ทางไกล ที่มีกำลังเหลือเฟือ แถมนั่งสบายในการเดินทางอีก

เรียกได้ว่าทั้ง 2 คู่หู Blue Twin จากซูซูกิเป็นรถตัวพัน ที่ครอบคลุมทุกการใช้งานอย่างแท้จริง เพียงแต่อาจไม่ถูกใจพวกบ้าทอร์คหนักๆ สไตล์ดิบๆ เท่านั้น

จุดเด่น

• เฟรม + แชส์ซีส์ แบบรถ Superbike GSX-R ทำให้รถ GSX-S1000/S1000f มีน้ำหนักเบากว่าเพื่อน
• ท่าขี่ที่ดูผ่อนคลาย ในแบบรถ Touring อย่างแท้จริง นั่งสบายเหมาะแก่การเดินทางไกล
• เป็นรถที่ควบคุมได้ง่าย มีความคล่อง พลิ้วราวกับรถพิกัด 650cc
• เครื่องยนต์ที่แรงทรงพลัง แต่นุ่มนวล เชื่องมือ ควบคุมคันเร่งได้โดยง่าย

จุดที่อยากให้มีเพิ่มเติม

• หน้าตา + รูปลักษณ์ ที่ดูดุดันกว่านี้ (GSX-S1000f)
• ระบบเทคโนโลยีเพิ่มเติม อาทิ ปิด ABS ได้, เพิ่ม Riding Mode
• สวิทช์ไฟฉุกเฉิน, และก้านคลัชปรับระดับได้

ขอขอบคุณ Thai Suzuki สำหรับรถ Suzuki GSX-S1000 และ Suzuki GSX-S1000F ราคา 5.99 แสนบาท และ 6.19 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver & Photo
จิระศักดิ์ ติ๊บอ้าย Co-Rider & Photo

Yamaha ห่วงใยความปลอดภัยมอบหมวกนิรภัยแก่หน่วยงานราชการในจังหวัดร้อยเอ็ด

นายธนะชัย เลขวณิชกุล (คนที่ 6 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายภาคอีสาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ซี.เจ.เค มาร์เก็ตติ้ง ร้านรุ่งเจริญ มอเตอร์ และร้านแสงชัย ร้อยเอ็ด ตระหนักถึงความปลอดภัยในท้องถนน ร่วมมอบหมวกนิรภัยจำนวน 50 ใบ ให้แก่หน่วยงานราชการในจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนายอนุสรณ์ แก้วกังวาล (คนที่ 6 จากขวา) ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นผู้รับมอบในพิธีเปิดกิจกรรม ยามาฮ่า คัพเรซ 2016 สนามที่ 4 ณ ลานหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ร้อยเอ็ด เมื่อเร็วๆ นี้

Kawasaki จัดอบรมหลักสูตรแก่หน่วยงานราชการเพื่อประกอบทางยุทธวิธีทางทหาร

Kawasaki ได้รับเกียรติจาก พลตรี สันติพงษ์ ธรรมปิยะ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี จ.ปราจีนบุรี ให้เข้าฝึกอบรมหลักสูตรการขับขี่รถจักรยานยนต์วิบากเพื่อใช้ประกอบทางยุทธวิธีทางทหาร ให้กับกำลังพลทหาร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคาวาซากิที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานราชการของประเทศไทย

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดอบรมการขับขี่รถจักรยานยนต์วิบากให้แก่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี จ.ปราจีนบุรี เพื่อใช้ในงานราชการ ซึ่งหลักสูตรการอบรมนั้นได้จัดขึ้นเพื่องานราชการเป็นสำคัญ ทั้งนี้ศูนย์อบรมขับขี่ปลอดภัย Kawasaki Good Riders School ได้นำหลักสูตรการขับขี่ขั้นพื้นฐานของรถจักรยานยนต์วิบาก การขับขี่ผ่านอุปสรรคและสิ่งกีดขวาง อันเกิดขึ้นจริงในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งในการอบรมครั้งนี้ คาวาซากิยังได้รับเกียรติจาก พลตรี สันติพงษ์ ธรรมปิยะ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี จ.ปราจีนบุรี เข้าชมการแสดงขับขี่จากครูฝึกสอนคาวาซากิ และร่วมขับขี่ในการอบรมครั้งนี้อีกด้วย สำหรับท่านที่สนใจการอบรมสามารถสอบถามได้ที่ตัวแทนจำหน่ายคาวาซากิทั่วประเทศ

YAMAHA GRAND FILANO Live High in Style ชีวิตมีคลาส สมาร์ทอย่างมีสไตล์

Yamaha Grand Filano “ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่” คือ รถจักรยานยนต์ออโตเมติกที่มีดีไซน์ทันสมัย และถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ที่ใช้ชีวิตในเมือง ซึ่งมีความต้องการรถจักรยานยนต์ที่สมาร์ทโดดเด่น และอเนกประสงค์ ขับขี่ง่ายในสภาพการจราจรหนาแน่น โดยทางยามาฮ่าได้พัฒนารถออโตเมติกรุ่นนี้ขึ้นมาภายใต้สโลแกน “Live High in Style…ชีวิตมีคลาส สมาร์ทอย่างมีสไตล์” ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นใหม่ๆ ฟีเจอร์ใหม่ๆ ซึ่งให้ประโยชน์ใช้สอยที่ดียิ่งขึ้น และเทคโนโลยีเครื่องยนต์ “BLUE CORE” ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 60 กม./ลิตร

สำหรับปี 2016 บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำออโตเมติกหัวฉีดพรีเมี่ยมให้กับ “ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่” อีกครั้ง ภายใต้สโลแกนใหม่ “Live High in Style…หรูคลาสแนวใหม่ กับหลากสไตล์ที่แตกต่าง” กับ 3 สไตล์ลิ่งล่าสุด ที่สร้างสรรค์จากความต่างของสไตล์ได้อย่างลงตัว SPORTIVO สปอร์ตี้ สไตล์ลิช / SUPREMO หรู เร้าใจ / CLASSICO ชิคสุดแนว ที่ยังคงมาพร้อมเทคโนโลยีเครื่องยนต์ “BLUE CORE” ที่ให้ทั้งสมรรถนะ และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 60 กม./ ลิตร สะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นฉลาดรอบคัน สะท้อนความสมาร์ทอย่างมีสไตล์

“ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่” เวอร์ชั่น 2016 นี้ ยังเต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์แห่งความประหยัด และสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ 125 cc. พร้อมเทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิลที่ออกแบบครีบระบายความร้อนใหม่ เผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น ลดแรงเสียดทาน และระบายความร้อนได้ดีขึ้น และระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดอัจฉริยะที่มีสมองกลอัจฉริยะ ECU แบบ FFV (Flex Fuel Vehicle) ที่จะคำนวณค่าการจ่ายน้ำมันสามารถเติมได้ทั้งเบนซิน และแก๊สโซฮอลล์ทุกประเภทจนถึง E85 ให้อัตราความประหยัดน้ำมันได้มากกว่าถึง 60 กม./ลิตร* และช่วยลดมลภาวะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

*ผ่านมาตรฐานการทดสอบ TIS 2350-2551 (EMISSION LEVEL6) ของ สมอ.

นอกจากนี้ “ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่” เวอร์ชั่น 2016 ยังครบครันด้วยฟีเจอร์ระดับพรีเมี่ยม คลาสรอบคัน ไม่ว่าจะเป็น กุญแจรีโมทอัจฉริยะ ANSWER BACK SYSTEM ส่งสัญญาณบอกตำแหน่งรถ และเปิดช่องกุญแจอัตโนมัติ พร้อมไฟเรืองแสง สะดวกสบายด้วยปุ่มกดเปิดเบาะที่นั่ง และเปิดฝาถังน้ำมัน, ช่องเติมน้ำมันด้านหน้า เติมง่าย สะดวกสบาย พร้อมปุ่มกดเปิดฝาถังน้ำมันอัตโนมัติ, ไฟท้าย LED ดีไซน์ลงตัวกับบอดี้ช่วงท้าย เบาะนั่งขนาดใหญ่ ปรับใหม่นั่งสบายขึ้น, หน้าปัดเรือนไมล์ดีไซน์หรู พร้อมมาตรวัด LCD บอกทั้งเวลา ระยะทาง และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน พร้อมด้วยฟังก์ชั่นอัจฉริยะครบครัน, GRAND BOX 27 ลิตร จุได้ดังใจ ใส่หมวกกันน็อคได้ถึง 2 ใบ พร้อมไฟ LED ส่องสว่างอัตโนมัติ สะดวกสบายแม้ในที่มืด, ที่วางเท้า One Push เพียงกดก็พร้อมใช้งาน พร้อมแถบกันลื่น พื้นที่วางเท้าของคนขี่กว้าง นั่งสบาย และขาตั้งข้างแบบ Side Stand Switch ช่วยตัดการทำงานเครื่องยนต์

สำหรับ “ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่” เวอร์ชั่น 2016 มีให้เลือกเป็นเจ้าของด้วยกัน 3 สไตล์ลิ่ง คือ SPORTIVO สปอร์ตี้ สไตล์ลิช กับ 2 สีสไตล์สปอร์ตอย่าง สีน้ำเงิน และสีแดง, SUPREMO หรู เร้าใจด้วย สีเทา และ สีดำ, CLASSICO ชิคสุดแนวกับ สีเขียว และสีฟ้า

พบกับ “2016 Yamaha Grand Filano” ใหม่ วางจำหน่ายในราคาแนะนำ 51,500 บาท ในรุ่น CLASSICO และ 52,000 บาท ในรุ่น SPORTIVO และ SUPREMO ที่โชว์รูมผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ ตั่งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2559 เป็นต้นไป

เผย Yamaha E-Vino มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ณ ทำเนียบรัฐบาล

นายสมเกียรติ พูลขวัญ รองผู้จัดการใหญ่ด้านบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ให้การต้อนรับ ฯพณฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการเยี่ยมชมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Yamaha E-Vino ซึ่งยามาฮ่ามีส่วนร่วมในการจัดแสดงยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้คณะกรรมการฯ ที่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 3/2559 (ครั้งที่ 8) ได้ทราบความคืบหน้าในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าของหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในประเทศไทย ณ บริเวณตึกไทยคู่ฟ้า/ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเร็วๆ นี้

Yamaha จัดเต็มพัฒนาต่อเนื่องเรื่องความปลอดภัย

Yamaha ค่ายผลิตรถจักรยานยนต์ชื่อดังของโลกจากประเทศญี่ปุ่นนั้นล่าสุดได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าพวกเขานั้นจะเปิดตัวเทคโนโลยีการทรงตัวอัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งถูกพัฒนามาอย่าง “artificial intelligence systems” ที่จะช่วยเสริมสร้างทางด้านความปลอดภัยแล้ว

สำหรับข่าวนี้นั้นทางสื่อชื่อดังทางด้านจักรยานยนต์อย่าง Ride Apart, นั้นออกมายืนยันด้วยตัวเอง โดยเผยว่ารถแบบใหม่ของทาง Yamaha นั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดนี้

“พวกเรามีความสามารถอย่างมากในการจัดการเทคโนโลยีทางด้านความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ และตอนนี้เรากำลังโปรโมทเทคโนโลยีทั้งหมดของพวกเขาเท่าที่จะเป็นไปได้” หัวหน้าทีมงานดีไซน์และพัฒนาระบบนี้ของ Yamaha ทิ้งท้าย

Yamaha คว้าชัยศึกชิงแชมป์ประเทศไทย สนามที่ 5 รุ่น 1000 cc. รายการ BRIC SUPERBIKE 2016

ทัพนักบิดสังกัด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM โชว์ฟอร์มสุดแกร่งครองเจ้าความเร็วบนแทร็คระดับโลก โดย อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 (คนที่ 2 จากซ้าย) ควงคู่ทีมเมท อนุชา นาคเจริญศรี #10 (คนแรกจากซ้าย) ควบยามาฮ่า YZF-R1 คว้าอันดับ 1 และ 3 รุ่น SuperBike 1000 cc. ส่วน อนุภาพ ซามูล #500 (คนที่ 3 จากขวา) และ อานนท์ สังวาลย์ #3 (คนที่ 2 จากขวา) ก็สามารถพายามาฮ่า YZF-R1 คว้าอันดับ 1 และ 2 รุ่น SuperStock 1000 cc. ได้สำเร็จ รวมถึง ประวัติ ญาณวุฒิ #95 (คนแรกจากขวา) ก็สามารถคว้าอันดับที่ 3 ได้ในรุ่น SuperSport 600 cc. ด้วยยามาฮ่า YZF-R6 จากผลงานครั้งนี้ส่งผลให้การแข่งขันคลาส 1000 cc. ทั้ง 2 รุ่น ทัพนักบิดสังกัดยามาฮ่ายังคงเป็นผู้นำคะแนนสะสมประจำปี 2016 โดยการแข่งขันรายการ BRIC SUPERBIKE CHAMPIONSHIP 2016 สนามที่ 2 นี้ จัดขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อเร็วๆ นี้

เปิดตัว Vespa S 125 3Vie Matt Series สีน้ำเงินด้าน Azzurro Levanzo

บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลี “เวสป้า” และ “พิอาจิโอ” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ขอเอาใจสาวกผู้ชื่นชอบรถพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์สไตล์สปอร์ตอีกครั้งกับ “ เวสป้า เอส 125 3Vie Matt Series ” สี Azzurro Levanzo หรือสีน้ำเงินด้าน หลังจากประสบความสำเร็จในการปล่อยสีเหลืองด้านสะดุดตา Giallo Ponza ในรุ่นเดียวกันไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา

สำหรับ “ เวสป้า เอส 125 3Vie Matt Series ” เฉดสี Azzurro Levanzo หรือสีน้ำเงินด้านที่อดีตเคยได้รับความนิยมอย่างสูง กลับมาพร้อมคอนเซ็ปต์สะท้อนสไตล์สปอร์ตของผู้ขับขี่ที่ต้องการทั้งความโดดเด่นและสุดยอดสมรรถนะตามแบบฉบับของเวสป้าเช่นเคย นอกจากสีสันโดดเด่นที่ไม่สามารถปฎิเสธได้แล้ว สมรรถนะและนวัตกรรมของรถก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่เวสป้าใส่ใจมาโดยตลอด ทำให้ “ เวสป้า เอส 125 3Vie Matt Series ” คันนี้มาพร้อมพลังขับเคลื่อนเต็มกำลังด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องยนต์ 3 วาล์ว ขนาด 125 ซีซี เพิ่มความคล่องแคล่วต่อทุกจังหวะการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม หยอดลูกเล่นความสนุกด้วยชุดแต่งสติ๊กเกอร์เข้าเซตสุดพิเศษเพื่อ “ เวสป้า เอส 125 3Vie Matt Series ” คันเก่งของคุณโดยเฉพาะ

จอง HONDA CB500F หรือ CBR500R ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. + ทะเบียน

ถึงเวลาบิ๊กไบค์ ฮอนด้ามอบข้อเสนอแบบบิ๊กๆ ให้คุณเป็นเจ้าของบิ๊กไบค์ 2 สูบตัวจริงได้ง่ายๆ

ให้คุณเป็นเจ้าของบิ๊กไบค์ 2 สูบตัวจริงได้ง่ายๆ

ซื้อรถ CB500F หรือ CBR500R  วันนี้ – 30 ก.ย. 2559   ฟรี ประกันภัยชั้น 1, พ.ร.บ., ทะเบียน

HONDA CB500F
– เงินสด 210,000 บาท
– เงินผ่อน
19,900 บาท ออกรถได้ทันที
ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.75%*
ผ่อนเริ่มต้นเพียง 4,725 บาท**

HONDA CBR500R
– เงินสด 215,000 บาท
– เงินผ่อน
21,500 บาท ออกรถได้ทันที
ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.75%*
ผ่อนเริ่มต้นเพียง 4,838 บาท**
พบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับรุ่นอื่นๆได้ที่ Honda BigWing ทุกสาขาทั่วประเทศ
แถมฟรี!คูปองน้ำมันมูลค้า 500 บาทเมื่อผ่อนชำระกับกรุงศรีออโต้
*เมื่อดาวน์ 30% ขึ้นไป
**เมื่อดาวน์ 10% ผ่อนชำระ 48 เดือน

หมายเหตุ
– เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด และขอสงวนสิทธฺ์ในการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
– เงื่อนไขทั้งหมดไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
– เงื่อนไขทั้งหมดสำหรับผู้ที่ซื้อฮอนด้าบิ๊กไบค์รุ่น CB500F และ CBR500R ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. – 30 ก.ย. 2559 เท่านั้น

ติดต่อได้ที่
กรุงเทพฯ: 02-790 -3999
พระราม 3 : 02-683 -1077-79
ราชพฤกษ์ : 02-489-4499
เชียงใหม่ : 053-206-777
พัทยา: 097-082-0777
ภูเก็ต: 076-212-000
อุดรธานี: 042-348-004 , 088-340-9500
โคราช : 044-269-100
อุบลราชธานี: 098-204-8022
สุราษฎร์ธานี : 077-600-358
นครสวรรค์: 093-241-9911, 093-241-9922, , 093-241-9933
หาดใหญ่ : 074- 429- 444
หัวหิน: 092-260-9393

ท่องเที่ยวทั่วโลกบนเบาะ Royal Enfield “เดอะ เจอร์นีย์” โดยวอลเตอร์ แอสตราดา
วอลเตอร์ เเอสตราดา ช่างภาพมือรางวัลเสร็จสิ้นการเดินทางทั่วโลกไปกับรถจักรยานยนต์สายพันธุ์อังกฤษ รอยัล เอ็นฟิลด์

บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด ผู้นำเข้ารถจักรยานยนต์รอยัล เอ็นฟิลด์อย่างเป็นทางการและผู้ดำเนินงานศูนย์จัดจำหน่ายและศูนย์บริการรอยัล เอ็นฟิลด์ ทองหล่อให้การต้อนรับวอลเตอร์ แอสตราดา ช่างภาพรางวัลเวิลด์ เพรส อวอร์ด ชาวอาร์เจนติน่า ซึ่งเพิ่งเดินทางถึงไทยเป็นประเทศล่าสุดระหว่างการเดินทางทั่วโลกบนรอยัล เอ็นฟิลด์ คลาสสิค 500 รุ่นตกแต่งพิเศษ
ช่างภาพมือรางวัลซึ่งมีชื่อเสียงในระดับโลกกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางทั่วโลก พร้อมกับบันทึกภาพประสบการณ์การเดินทางไว้เป็นซีรีส์ภาพถ่ายที่มีชื่อว่า “เดอะ เจอร์นีย์” (The Journey) โดยพายนะของเขาก็คือ “เลดี้ เอเธนา” รอยัล เอ็นฟิลด์ คลาสสิค 500 คู่ใจของเขานั่นเอง ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ 22 ที่แอสตราดาเดินทางเยือน หลังจากเขาเริ่มต้นออกเดินทางจากประเทศสเปนในปี พ.ศ. 2558

ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจอนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด กล่าวว่า “ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับรอยัล เอ็นฟิลด์ ประเทศไทยที่ได้พบกับคุณแอสตราดา การเดินทางทั่วโลกของเขาไปกับรอยัล เอ็นฟิลด์ถือเป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อความผ่อนคลายในประเทศไทยและทั่วโลกอย่างแท้จริง เรามีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของเขาและให้ความช่วยเหลือด้านการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถจักรยานยนต์ของเขาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเดินทางที่ยาวนานและยากลำบากระหว่างที่เขาเยือนประเทศไทยและได้ต้อนรับเขาเมื่อเสร็จสิ้นการเดินทางในประเทศไทย ความหลงใหลในภาพถ่ายและการขับขี่ของเขาคือแรงส่งเสริมที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะสำหรับนักขี่ในประเทศไทยที่ต้องการเริ่มต้นการเดินทางของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ข้ามจังหวัด การเยือนประเทศข้างเคียง หรือการขับขี่สั้นๆ เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่”

วอลเตอร์ แอสตราดา กล่าวว่า “เป้าหมายในการเดินทางของผมคือการมุ่งมั่นกับตนเอง มอเตอร์ไซค์ และท้องถนน รอยัล เอ็นฟิลด์เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการขับขี่สไตล์นี้ จริงๆ แล้ว ผมซื้อรถคันนี้ก่อนที่จะได้เรียนรู้วิธีการขับขี่เพราะผมชื่นชอบรูปลักษณ์ที่คลาสสิก จากนั้นผมก็เกิดความประทับใจในการขับขี่ที่ง่ายดายของรอยัล เอ็นฟิลด์ ผมได้เรียนรู้เสถียรภาพและความทนทานของตัวรถ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทางผ่านภูมิภาคและประเทศที่แตกต่างกัน ซึ่งบางแห่งไม่มีถนนด้วยซ้ำไป ผมได้เดินทางข้ามชายแดน ขับผ่านทะเลทรายและป่าเขา ผ่านสภาพอากาศทุกรูปแบบ ผมประทับใจในการสนับสนุนของรอยัล เอ็นฟิลด์ ประเทศไทยอย่างมาก”

ติดตามวอลเตอร์ แอสตราดากับรอยัล เอ็นฟิลด์คู่ใจ นิทรรศการภาพถ่าย และเวิร์กช็อปภาพถ่ายบนเว็บไซต์ The Journey www.wastradathejourney.com

GPX Racing ยกทัพเข้างาน BIG Motor Sale 2016

GPX Racing ทัพรถสายเลือดไทย พร้อมโปรโมชั่นสุดฉ่ำรับหน้าฝน ภายในงานมหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติ ใหญ่ที่สุดในอาเซียน “BIG Motor Sale 2016” “อยากได้รถ จบในงานเดียว” ระหว่างวันที่ 20 – 28 สิงหาคม 2559 นี้ ณ บูท GPX Racing (C09) ฮอลล์ EH106 @ ไบเทค บางนา